กรุงเทพฯ-30 พ.ค.48 รอยเตอร์รายงานข่าว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอบกระทู้สด พล.อ.หาญ ลีลานนท์ สว.สตูล กรณีการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทางการจะส่งทหารพราน 18 กองร้อย ซึ่งเป็นหน่วยที่มีประสิทธิ ภาพ เข้าไปดูแลอำเภอที่ติดกับชายแดนมาเลเซีย โดยจะเป็นผู้ที่รู้จักคนในพื้นที่ ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน และส่วนใหญ่กว่า 70% พูดภาษายาวีได้

พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นเรื่องของขบวนการในประเทศไทย ยังไม่พบว่ามีองค์กรก่อการร้ายในต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนโดยตรง แต่อาจมีบุคคลบางคนที่ไปฝึกกับองค์กรต่างๆ หรือมีอดีตสมาชิกองค์กรบางคนที่ข้ามเข้าออกชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น

สำหรับกรณีชาวอินโดนีเซียจำนวน 23 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองและถูกจับกุมได้นั้น ยังไม่พบว่า มีผู้
เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้ายในไทย จะเป็นเพียงผู้หลบหนีการปราบปรามของทางการประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาปล้นเรือประมง และหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.อ.หาญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อภิปรายวิจารณ์การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวของรัฐบาลว่า ยังไม่มีความเป็นเอกภาพ ทั้งด้านความคิดและการปฏิบัติ ทำให้การแก้ไขปัญหาล้มเหลว

นอกจากนี้ยังระบุว่า มีต่างชาติให้ความช่วยเหลือในการแบ่งแยกดินแดน เพื่อรวมปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลาบางส่วน แล้วจัดตั้งเป็นรัฐอิสลามปัตตานี โดยเริ่มจากการยึดการปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่การเลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่ในปี 2532 องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล ตามลำดับ

พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวว่า ต่อไปนี้ กองทัพภาคที่ 4 จะเป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ที่จะดูแลยุทธวิธีและภาคปฏิบัติ โดยเน้นสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนและสัมพันธ์มวลชน ขณะที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.)จะขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพฯ

"ผมมั่นใจว่ายุทธวิธีใหม่ เราจะสามารถควบคุมสถานการณ์ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เราจะเอาประชาชนที่เขาไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งมีอยู่มากพอสมควร ให้เขาลุกขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งเราจะเห็นในเร็ววันนี้" พล.อ.ธรรมรักษ์ระบุ

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า มีผู้ย้ายออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนมากนั้น เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า แม้มีส่วนหนึ่งย้ายออกเพราะกลัวอันตราย แต่กลับมีการย้ายเข้ามาในพื้นที่มากกว่าย้ายออกถึง 5 พันคน ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.48