Skip to main content
sharethis

บุรีรัมย์ -- 17 พ.ค. 48 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เรื่องการกำหนดมาตรการแก้ปัญหาพลังงาน โดยกำหนดมาตรการ 3 หวังเพิ่มจีดีพี

ที่ประชุมครม. วันนี้ มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์แก้ปัญหาพลังงานของประเทศ 3 ประการได้แก่ การเร่งใช้พลังงานทดแทนและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, การจัดหาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทรัพยากรพลังงานในประเทศ

โดยมาตรการเร่งใช้พลังงานทดแทนและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานโดยรวม 13% ในปี 2551 และ 20 % ในปี 2552 โดยคาดว่าภายหลังจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแล้วเสร็จ ประกอบกับการเร่งรัดการใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นแทนน้ำมัน ก็จะสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท

ในภาคขนส่งนั้น จะลดการใช้น้ำมันลง ให้ได้ 25% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 95,000 ล้านบาท ภายในปี 2552 โดยกำหนดเป้าหมายว่า ภายในเดือนธันวาคม 2551 จะสามารถใช้ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือ เอ็นจีวีในรถยนต์แทนการใช้น้ำมันเบนซินประมาณ 10% โดยจะ เร่งขยายสถานีบริการจาก 31 แห่งเป็น 180 แห่ง และส่งเสริมรถเอ็นจีวี รวม 180,000 คัน

สำหรับมาตรการจัดหาพลังงานจากต่างประเทศ เพื่อเสริมความมั่นคงในระยะยาวนั้น กระทรวงพลังงานได้เร่งจัดหาและลงทุนพลังงานไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านโดยได้แก่ สปป.ลาว พม่า กัมพูชา และจีน ซึ่งประเทศเหล่านี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกันถึง 17,000 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ก็จะหาแหล่งพลังงานในภูมิภาคอื่น เช่น ตะวันออกกลาง อาฟริกา รวมถึงการรวมตัวกันระหว่าง ปตท. ปตท. สผ. และ กฟผ. เป็นNational Champion เพื่อร่วมกันเจรจาหรือลงทุนแหล่งพลังงานในต่างประเทศ และส่งรายได้กลับประเทศไทย

ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทรัพยากรพลังงานในประเทศนั้น จะมีการลงทุนด้านพลังงานในประเทศกว่า 800,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นด้านพลังงานทดแทนและด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ทั้งนี้ การลงทุนด้านพลังงานทดแทนคือไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์ นั้น จะนำสู่โครงสร้างเกษตรยุคใหม่ และด้านกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ธุรกิจเคมี จะเพิ่มมูลค่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และรองรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ซึ่งจะมีการลงทุนถึง 320,000 ล้านบาท รวมทั้งการลงทุนขยายโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ โรงแยกก๊าซ ระบบท่อก๊าซ 130,000 ล้านบาท และคลังน้ำมันเพื่อรองรับและส่งเสริม ศูนย์ซื้อขายปิโตรเลียมที่ศรีราชา อีกประมาณ 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การลงทุนด้านพลังงานในประเทศจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี2548-2551

อนึ่ง การประชุมครม. ในประเด็นนโยบายพลังงานของประเทศวันนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้เสนอต่อครม. ว่า หากยุทธศาสตร์ลดการใช้พลังงาน และการใช้วัตถุดิบพลังงานในประเทศ จะสามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศ 22,000 ล้านบาทในปี 2549 และเพิ่มขึ้นเป็น 62,000 ล้านบาทในปี 2551 และส่งผลให้จีดีพี ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1-1.5 ต่อปี รวมทั้งทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขึ้นประมาณร้อยละ 0.25-0.65

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net