ประชาไท-20 เม.ย. 48 "สถานการณ์ของโรคไข้หวัดนกกลายเป็นโรคของโลกาภิวัตน์ ที่ไม่มีการจำกัดในเรื่องพื้นที่ และสามารถขยายของเขตไปที่ใดในโลกก็ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถจำกัดในเรื่องของความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือวิถีสังคม" นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธาน กมธ.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวแถลงในที่ประชุมสัมมนา การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก

นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า แนวทางในการแก้ปัญหา ควรจะใช้หลักธรรมาภิบาล และเน้นไปที่ 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ให้มีการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นองค์ความรู้และความคิดในด้านการบริหารจัดการ และเปิดให้สังคมได้รับรู้ความจริงทุกประการ เพราะถ้าสังคมรู้จริงแล้วก็จะมีความเชื่อมั่นในการรักษาหรือป้องกัน

ประธานกมธ. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับส่วนที่สองนั้น จะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องของการมีส่วนร่วมของภาคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในภาครัฐ ฝ่ายบริหาร หรือภาคประชาชน ซึ่งถ้าปราศจากความร่วมมือแล้ว ความสำเร็จในการจัดการไข้หวัดนกคงไม่เกิดขึ้น

"ในส่วนที่สามหรือส่วนสุดท้ายนั้นจะเป็นคำแถลงการณ์ร่วม ที่ พญ.มาลินี เป็นผู้แถลง โดยให้ถือว่าเป็นปฏิญญาการร่วมรับผิดชอบ ที่ทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันทำให้เป็นรูปธรรม และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อความที่อยู่ในร่างแถลงนี้" นพ. นิรันดร์กล่าว

สำหรับเรื่องของการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกนั้น นพ.นิรันดร์กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับในความหลากหลายของการผลิตยาในแต่ละประเทศด้วย และต้องเคารพต่อสมาชิกวุฒิสภาของแต่ละประเทศ ที่มีความแตกต่างในเรื่องของการบริหารวัฒนธรรม ซึ่งสุดท้ายคิดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด

"ในเรื่องนี้ ทางสมาชิกวุฒิสภาน่าจะมีโอกาสนำเรื่องวัคซีนไปเชื่อมโยงกับฝ่ายบริหาร ที่จะทำให้เกิดกฎหมายในการสกัดกั้น และมีมาตรการไม่ให้ผลประโยชน์ในเรื่องของยาหรือวัคซีนตกอยู่กับภาคธุรกิจมากเกินไป และในภาคธุรกิจเองก็จะมีภาระหน้าที่ ในการสร้างระบบธรรมภิบาลในระบบธุรกิจ เพื่อให้มีความรับผิดชอบร่วมกัน คือ ผลที่อยากได้จะต้องไม่เอาเปรียบสังคมมากเกินไป" นพ.นิรันดร์กล่าว

สิรินภา อิ่มศิริ