ประชาไท, 4 มิ.ย. 50 - วันนี้ แนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร (นปตร.) โดยนายแพทย์
ประณามคำวินิจฉัยอัปยศของตุลาการผู้รับใช้คณะรัฐประหาร รัฐประหาร19กันยายน2549ได้ทำลายระบอบประชาธิปไตยลงไปแล้วทำการออกรัฐธรรมนูญ ประกาศคำสั่งต่างๆ ของคณะรัฐประหาร มาใช้แทนรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นผลิตผลของรัฐประหาร จึงไม่ใช่ศาลในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีความชอบธรรมใดๆในการดำเนินการวินิจฉัยอรรถคดีใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ตุลาการในคณะตุลาการรัฐธรรมนูญนี้ยังเป็นผู้ที่ทำลายสัตย์ปฏิญาณของตนที่ให้ไว้ก่อนเข้ารับตำแหน่งที่ว่า "......จะรักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ"แต่กลับไปสยบยอมรับใช้คณะรัฐประหารอย่างน่าอัปยศอดสู เมื่อตระบัดสัตย์เช่นนี้แล้วย่อมขาดองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการเป็นตุลาการไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว คำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 เกิดขึ้นภายใต้การแทรกแซงจาก คณะรัฐประหารอย่างเห็นได้ชัด เพราะประธาน คมช.ได้ไปพบตุลาการรัฐธรรมนูญระดับสูง ณ.ที่ทำงาน ก่อนวันทำคำวินิจฉัยรวมเพียงสองสามวันโดยไม่แจ้งเหตุต่อสาธารณชน เพิ่งมาแก้ตัวด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เอาหลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแล้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ก็ประกาศต่อสาธารณะว่า "หากพรรคไทยรักไทยไม่ถูกยุบการรัฐประหารคราวนี้ก็สูญเปล่า" นอกจากนี้คณะรัฐประหารยังทำลายสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเดินทางไปมาหาสู่กันและการสื่อสารโทรคมนาคมอย่างแข็งกร้าวพร้อมกับใส่ร้ายว่ามีการใช้เงินจากอำนาจเก่าถึง60ล้านบาทมาก่อกวน ตั้งแต่ก่อนหน้าทำคำวินิจฉัยหนึ่งสัปดาห์และยังต่อเนื่องจนทุกวันนี้ ทำให้เกิดการกดดันทางการเมืองอย่างรุนแรงต่อประชาชนให้จำยอมต่อคำวินิจฉัยไม่ว่าจะออกมาไม่เป็นธรรมแค่ไหนก็ตาม คำวินิจฉัยนี้สร้างมาตรฐานสองอย่างที่ไม่ตรงกันในการรับฟังข้อเท็จจริงของพรรคใหญ่สองพรรค และยังทำลายมาตรฐานสากลของหลักนิติธรรมและระบบนิติรัฐที่ "กฎหมายไม่สามารถใช้บังคับย้อนหลังในทางที่เป็นโทษต่อผู้กระทำผิด"และได้ขัดต่อ มาตรา 3 ของประมวลกฎหมายอาญาที่กล่าวไว้ว่า "ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิด ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด.........." นอกจากทำลายศักดิ์ศรีของตุลาการทั้งเก้าแล้วยังทำให้สถาบันยุติธรรมของประเทศมัวหมองไปด้วย นอกจากนี้ยังทำลายสิทธิและเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนในการรวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองและเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ตนชอบตามบทบัญญัติแห่งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองเอาไว้ นปตร.จึงขอประณามคำวินิจฉัยอัปยศของตุลาการรัฐธรรมนูญผู้รับใช้รัฐประหาร และขอเรียกร้องให้ประชาชนไทยทั่วประเทศร่วมกับ นปตร.ในการ คว่ำ ล้ม โค่น รัฐประหารและให้มีการเลือกตั้งก่อนกันยายนโดยใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับเดิม 4 มิถุนายน 2550 |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)