Skip to main content
sharethis

สงครามรัสเซีย-ยูเครนดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัสเซียสามารถยึดเมืองอัฟดิฟกาของยูเครนเอาไว้ได้ ในขณะที่การสนับสนุนจากชาติตะวันตกดูจะลดน้อยลง มีการประเมินว่ารัสเซียยังมีศักยภาพที่จะก่อเหตุโจมตียูเครนไปได้อีก 2-3 ปี

ในวันที่ 24 ก.พ. เมื่อสองปีที่แล้ว รัสเซียทำการเปิดฉากรุกรานยูเครน กลายเป็นสงครามที่ยาวนานมาจนถึงตอนนี้ ในตอนนั้น ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ประกาศว่าจะสนับสนุนยูเครนอย่างไม่ลดละ โดยบอกว่าสงครามนี้คือ "การต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ ระหว่างอธิปไตยและการใช้อำนาจครอบงำ โปรดเข้าใจตรงกันว่า อิสรภาพจะได้รับชัยชนะ"

แต่เมื่อสงครามยูเครนกำลังเข้าสู่ปีที่ 3 การส่งความช่วยเหลือให้กับยูเครนก็ติดชะงักอยู่ในการโต้เถียงทางการเมืองในสภาสหรัฐฯ และการสนับสนุนจากประชาชนให้ช่วยเหลือยูเครนในสงครามก็ดูเหมือนจะลดน้อยถอยลง ในขณะที่กองกำลังของรัสเซียกำลังรุกคืบมากขึ้นในยูเครน ท่ามกลางภาวะที่ยูเครนมีอาวุธยุทโธปกรณ์ลดน้อยลงเรื่อยๆ

ปูตินประกาศ รัสเซียยึดอัฟดีฟกาเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ

โดยที่เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมาทางการรัสเซียประกาศว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเมืองอัฟดีฟกาได้ทั่วทั้งเมืองแล้ว หลังจากที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดมากที่สุดครั้งหนึ่งในสงครามยูเครน ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่ากองทัพได้รุกคืบเข้าไปเป็นระยะทาง 8.6 กม. ในส่วนแนวหน้าระยะทาง 1,000 กม. และกองกำลังของรัสเซียก็ทำการรุกคืบต่อไปหลังจากที่มีการสู้รบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้างจนทำให้เมืองแทบจะทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักพังที่ไร้ผู้อยู่อาศัย

วลาดิเมียร์ ปูติน ยกให้การยึดเมืองอัฟดีฟกาถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญและกล่าวยินดีต่อกองทัพรัสเซีย

ทางด้านยูเครนแถลงถึงเรื่องนี้ว่า ที่พวกเขาถอนทัพออกจากเมืองนั้นเป็นเพราะต้องการรักษากำลังพลไม่ให้ถูกปิดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่มีการสู้รบอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายเดือน ทางการรัสเซียก็ระบุว่ายังมีกองทัพยูเครนจำนวนหนึ่งเข้าไปกบดานอยู่ในโรงงานโค้กที่มีมาตั้งแต่สมัยยังเป็นสหภาพโซเวียต โดยที่โฆษกกระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศว่ามีมาตรการที่จะกวาดล้างกองกำลังยูเครนในเมืองและปิดกั้นกองกำลังของยูเครนที่อยู่ในโรงงานโค้กที่ใหญ่ที่สุด และเป็นกุญแจสำคัญที่รัสเซียมุ่งจะใช้ควบคุมอุตสาหกรรมในภูมิภาคดอนบัส

การยึดอัฟดีฟกาได้นั้นยังสร้างความเป็นไปได้ว่าจะส่งเสริมขวัญกำลังใจให้กับรัสเซียก่อนหน้าที่ปูตินจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในการเลือกตั้งเดือนหน้า ซึ่งมีความเป็นไปได้แทบจะโดยสิ้นเชิงที่ปูตินจะชนะ

แอนเดรีย เคนดัลล์-เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการของศูนย์เพื่อความมั่นคงอเมริกันใหม่และอดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองกล่าวว่า "ฉันคิดว่าปูตินรู้สึกมั่นใจเป็นพิเศษในการเข้าสู่ปีที่ 3 ของสงครามในยูเครน"

เคนดัลล์-เทย์เลอร์ กล่าวว่า ปูตินเล็งเห็นว่าเขาสามารถต้านทานการรุกคืบโต้ตอบกลับของยูเครนได้ และในตอนนี้เขาเริ่มเล็งเห็นความอ่อนล้า โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องการสนับสนุนยูเครน ปูตินจึงน่าจะรู้สึกฮึกเหิมอย่างมาก

การสนับสนุนจากสหรัฐฯ สองปีผ่านไป

สื่อเอบีซีระบุว่า บรรยากาศทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่างจากช่วงที่สงครามยูเครนเพิ่งจะเกิดขึ้นสองเดือนแรกมาก ในตอนนั้นนักการเมืองบางคนหลั่งน้ำตาให้กับการนำเสนอของ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ ช่วยเหลือและมีวิดีโอแสดงให้เห็นความเลวร้ายจากน้ำมือกองทัพรัสเซีย

ในปีนั้นสหรัฐฯ ได้ออกเงินช่วยเหลือหลายชุดให้กับยูเครน ทำเนียบขาวระบุว่าการสนับสนุนยูเครนจากตอนนั้นมาถึงปัจจุบัน รวมแล้วเป็นเงินมากกว่า 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.9 ล้านล้านบาท)

ชาร์ลส์ กุปจัน นักวิจัยอาวุโสที่สภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า การช่วยเหลือยูเครนเป็นไปอย่างแข็งขันมาโดยตลอดจนกระทั่งเริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงราวเดือน ก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา

กุปจัน มองว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะมีปัจจัยต่างๆ ทั้งมุมมองที่ว่าสงครามมีความยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ เรื่องที่ว่ายูเครนล้มเหลวในการรุกคืบโต้ตอบกลับ และเรื่องที่ว่าฤดูกาลการเลือกตั้งปี 2567 กำลังใกล้เข้ามา

สื่อ ABC สำรวจโพลพบว่า มีชาวอเมริกันที่มองว่าสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือยูเครนมากเกินไปเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 14 ในเดือน เม.ย. 2565 มาเป็นร้อยละ 41 ในเดือน ก.ย. 2566

เงินช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม 60,000 ล้านดอลลาร์ที่ไบเดนเคยเรียกร้องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 นั้นก็เผชิญกับอุปสรรค เพราะมีการใช้เงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลืออิสราเอลในการสู้รบกับกองกำลังฮามาส และจากนั้นก็ถูกเจียดไปใช้กับการเปลี่ยนแปลงเรื่องคนเข้าเมืองเพราะพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้มีการจำกัดชายแดนเข้มงวดมากขึ้น

แต่หลังจากที่มีการยื้อกันไปมาทางการเมือง วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่มีเสียงข้างมากเป็นพรรคเดโมแครตก็ผ่านร่างกฎหมายช่วยเหลือต่างประเทศเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีเงินช่วยเหลือให้กับยูเครน, อิสราเอล และไต้หวัน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐสภาที่มีเสียงข้างมากเป็นรีพับลิกัน

พรรครีพับลิกันเองก็มีเสียงแตก โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นตัวเต็งลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งถัดไปและกลุ่มนักการเมืองอนุรักษ์นิยมจัดต่อต้านการช่วยเหลือต่างชาติโดยสมาทานแนวทางโดดเดี่ยวสหรัฐฯ ออกจากประชาคมโลกที่เรียกว่า "อเมริกาต้องมาก่อน" แต่ ผู้นำรีพับลิกันของ ส.ว.  คือ มิช แมคคอนเนลล์ ก็บอกว่าการให้ความช่วยเหลือยูเครนนั้นเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงในชาติของสหรัฐฯ เอง

ในวันครบรอบ 2 ปีสงครามยูเครน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศเรียกร้องอีกครั้งให้รัฐสภาประชุมผ่านร่างกฎหมายช่วยเหลือยูเครน โดยบอกว่า "เพราะการที่ไม่สามารถสนับสนุนยูเครนได้ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้นั้นจะไม่มีวันถูกลืมเลยในประวัติศาสตร์ มันจะถูกตรวจวัด และจะส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาหลายทศวรรษถัดจากนี้"

ผู้เชี่ยวชาญมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กฎหมายการช่วยเหลือยูเครนจะผ่านร่างได้ถ้าหากมันไปสู่ขั้นตอนของสภาล่าง เพราะกลุ่มหัวแข็งฝ่ายต่อต้านของรีพับลิกันมีคะแนนเสียงไม่มากพอ

สถาบันวิจัย : ถึงรัสเซียยังคงสามารถทำสงครามต่อไปได้อีก 2-3 ปีข้างหน้า แต่ประสิทธิภาพจะลดลง

สถาบันนานาชาติเพื่อการวิจัยด้านยุทธศาสตร์ (IISS) ประเมินว่ารัสเซียจะยังมีความสามารถในการทำสงครามกับยูเครน "ต่อไปได้อีก 2-3 ปี" แต่จะต้องแลก "ปริมาณกับประสิทธิภาพ" ที่แย่ลง เพราะรัสเซียจะหันมาทดแทนอาวุธที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายด้วยระบบอาวุธแบบเก่าที่มีอยู่ในคลัง

IISS ประเมินว่ารัสเซียสูญเสียรถถัง, ยานเกราะ และปืนใหญ่ หลายร้อยลำต่อเดือน โดยที่ไม่สามารถหามาทดแทนได้ทันจึงต้องนำระบบอาวุธเก่ากลับมาปรับใช้ เร่งประสิทธิภาพการผลิตทางอุตสาหกรรม และใช้วิธีซื้อจากต่างชาติ


เรียบเรียงจาก
Russia claims full control of Avdiivka, says Ukrainian troops still in town, Aljazeera, 18-02-2024
How initial US support for aiding Ukraine has come to a standstill 2 years later, ABC News, 24-02-2024
Russia can sustain war effort ‘for another two or three years,’ say analysts, CNN, 14-02-2024

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net