Skip to main content
sharethis

พ.อ. ซอชิตตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) รัฐกะเหรี่ยง กองกำลังที่เคยรับคำสั่งจากเผด็จการพม่า และเป็นกองกำลังเดียวกับที่คอยคุ้มครองแก็งค์อาชญากรรมจีนที่ชเวก๊กโก่ ได้ประกาศขอเลิกรับคำสั่งจากกองทัพเผด็จการ และประกาศให้พื้นที่ของพวกเขาเป็นรัฐกะเหรี่ยงปกครองตนเอง นักวิเคราะห์มองว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง

พล.อ.อาวุโส โซวิน รอง ผบ.ทบ. ถึงขั้นต้องเดินทางเยือนเมืองพะอันด้วยตนเองเพื่อขอร้องเหล่าผู้นำของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ให้ยังคงบทบาทเป็นกองกำลังที่รับคำสั่งจากกองทัพเผด็จการพม่าในเมียวดีต่อไป แต่ฝ่ายเผด็จการทหารพม่าก็ยังคงล้มเหลวในการที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ BGF ที่เคยประกาศว่าเป็นรัฐปกครองตนเองกะเหรี่ยง และจะไม่สู้รบภายใต้คำสั่งของสภากองทัพพม่าอีกต่อไป

พล.ต. ซอทุนล่าย ประธาน BGF ยืนยันว่าทาง BGF เคยแจ้งทางกองทัพพม่าไปแล้วว่าจะมีการยุติการรับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ จากสภากองทัพพม่าตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค. 2566 และเลือกที่จะปฏิบัติการอย่างแบบแยกตัวออกมาโดยไม่ขึ้นตรงกับกองทัพ ซอทุนล่าย ยืนยันว่า BGF ยังคงตัดสินใจแบบเดิม และขอประกาศให้เมียวดีเป็นพื้นที่ปกครองตนเอง

ผู้นำ BGF อธิบายจุดยืนดังกล่าวว่า "พวกเราเคยทำงานร่วมกันกับพวกเขา (กองทัพพม่า) มานานเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นแล้วพวกเราจะไม่ต้องการความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น พวกเรามีเป้าหมายที่จะกลายเป็นกองกำลังผู้ควบคุมพื้นที่อาณาเขตของพวกเรา ต้องการมีสันติภาพร่วมกับกองทัพพม่า การที่พวกเราไม่ยอมรับเงินเดือนของพวกเขา หมายความว่าพวกเราจะไม่ทำตามคำสั่งของพวกเขาอีกต่อไป"

ก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส เคยรายงานว่า BGF ตัดสินใจที่จะแยกตัวออกจากสภากองทัพพม่าหลังจากที่มีข้อตกลงระหว่างคณะรัฐประหารของพม่ากับกองทัพไทยในเรื่องการปราบปรามคาสิโนออนไลน์และขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นทางอินเทอร์เน็ตที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างไทย-พม่า

เจสัน ทาวเวอร์ จากสถาบันเพื่อสันติภาพสหรัฐอเมริกา (USIP) ผู้ที่คอยติดตามความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับพม่าอย่างใกล้ชิดผ่านทางสื่อภาษาจีน บอกว่า ทางการจีนเพิ่มการกดดันต่อฝ่ายเผด็จการพม่าให้มีการปราบปรามการหลอกลวงต้มตุ๋นที่ยังคงแพร่หลายในชเว่ก๊กโก่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของ BGF

แหล่งข่าวจาก BGF ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องการกดดันจากฝ่ายต่างๆ รวมถึงจาก พล.อ.อาวุโส โซวิน ให้ต้องร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามแก็งค์อาชญากรรมในเมียวดี ที่มีศูนย์กลางเป็นโครงการเมืองใหม่ชเว่ก๊กโก่ และไม่ได้พูดด้วยตัวเองว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นแรงจูงใจหลักๆ ที่ทำให้ BGF ตัดสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกับกองทัพพม่าแต่อย่างใด

สื่อเบอร์มานิวส์อินเตอร์เนชันแนลระบุว่า เรื่องที่ทางการพม่าจะร่วมมือกับต่างชาติในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมในเมียวดีนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกนำมาพิจารณาในการที่ BGF ตัดสินใจยุติความเป็นพันธมิตรที่มีมายาวนานกับกองทัพพม่า

หลังจากที่มีการตัดสินใจแยกตัวจากกองทัพพม่า ผู้นำ BGF พ.อ. ซอชิตตู่ ได้สั่งให้มีการถอนทัพจากแนวหน้าที่ร่วมรบกับสภากองทัพพม่ากลับมาสู่ศูนย์บัญชาการรัฐกะเหรี่ยงใกล้กับชเว่ก๊กโก่ ซึ่งมีกองกำลัง BGF อยู่จำนวนมากที่ถูกเรียกถอนทัพจากผาปูน มีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ามีการถอนทัพทหาร BGF มากกว่า 300 นาย จากฐานที่มั่นในผาปูน

หลังจากที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านนำโดย ร้อยโท แอเซวา พยายามทำการบุกทลายชเว่ก๊กโก่เมื่อเดือน เม.ย. 2566 พ.อ. ซอชิตตู่ ก็ออกมาตรการป้องกันที่เข้มงวดขึ้นรอบชเว่ก๊กโก่ มีการล้อมเมืองด้วยกำแพงราวกับเป็นเมืองป้อมปราการ มีการวางกำลังทหารให้เห็นในพื้นที่ นอกจากนี้แล้วยังมีการส่งกำลังเสริมเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ BGF ด้วย

ฝ่ายเผด็จการพม่าจะกลายเป็นผู้แพ้ที่เสียหายอย่างหนักถ้าหากว่ากลุ่มกะเหรี่ยง BGF ทำตามแผนของพวกเขาในการกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปกครองตนเอง มันจะส่งผลให้เส้นทางลำเลียงเสบียงที่สำคัญตามแนวถนนสายหลักในพม่าที่เคยได้รับการคุ้มครองโดยกองพัน BGF มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มต่อต้านมากขึ้นอย่างเช่นกลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF)

มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องกิจการของชนชาติพันธุ์ในพม่ามองว่า การที่กลุ่ม BGF ได้เห็นกองทัพพม่าพ่ายแพ้ซ้ำๆ ในรัฐฉาน ทำให้พวกเขากำลัง "ทำตัวเหมือนหนูสละเรือที่กำลังจะล่ม"

เจสัน ทาวเวอร์ จาก USIP ประเมินว่า BGF ภายใต้ ซอชิตตู่ ก็คง "มองว่าเผด็จการทหารพม่าไม่ใช่ตัวเลือกที่สร้างความมั่นใจว่าจะเป็นผู้การันตีความปลอดภัยให้กับกิจการในชเว่ก๊กโก่ได้อีกต่อไป"

ประการที่สองคือ เผด็จการทหารสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาจีนมากกว่าเดิม จากการที่ฝ่ายเผด็จการทหารไม่สามารถทำตัวเป็นผู้คุ้มครองการลงทุนและผลประโยชน์ของจีนที่พึ่งพาได้

สิ่งที่ BGF วางแผนจะทำต่อไปหลังจากการขอสถานะเขตปกครองตนเองพิเศษคืออะไร พล.ต. ซอทุนล่าย เคยพูดไว้ว่ามันยังคงเร็วเกินไปที่จะหารือเรื่องอนาคตที่จะมีการปรับเปลี่ยนปฏิบัติการของพวกเขามาเป็นลักษณะกองกำลังอิสระ เขาบอกว่าจะมีการทำตามวัตถุประสงค์ต่างๆ แบบเป็นขั้นเป็นตอนไป

อย่างไรก็ตาม พล.ต. ซอทุนล่าย อธิบายว่า "ตอนที่ BGF อยู่ภายใต้การบัญชาการจากสภากองทัพพม่า พวกเขาถูกสั่งให้ต้องปะทะกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มอื่นๆ ทำให้ชาวกะเหรี่ยงรู้สึกสับสนว่าพวกเขาควรจะพึ่งพากลุ่มไหนดี สุดท้ายแล้วเลยทำให้ BGF ละทิ้งสภากองทัพพม่าแล้วเลือกที่จะยืนหยัดด้วยตนเอง"

ความรู้สึกแบบนี้เองที่ทำให้ BGF จัดประชุมร่วมกับกลุ่มและฝ่ายต่างๆ ของชนชาติกะเหรี่ยง เช่น กลุ่มสภาสันติภาพกองทัพปลดปล่อยชนชาติกะเหรี่ยง (KNLA-PC) ที่แยกตัวออกมาจาก KNU, กลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) และแม้กระทั่งข้าศึกในสนามรบของ BGF คือกลุ่ม KNU/KNLA กลุ่มหลักก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย

ทาง KNU ได้วางจุดยืนชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับใครก็ตามที่ปกป้องการต้มตุ๋นออนไลน์จากชเว่ก๊กโก่ Padoh Saw Taw Nee โฆษกของ KNU เคยประกาศว่า "ถ้าหากพวกเราต้องการจะต่อสู้กับการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจำนวนมากตามชายแดน ผมก็อยากจะเสนอให้มีการปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะจากไทยและจีน พวกเรามีความยินดีอย่างยิ่งและมีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับพันธมิตรสองประเทศนี้ในการต่อสู้กับการกระทำที่ผิดกฎหมาย"

อย่างไรก็ตาม KNU ก็หลีกเลี่ยงที่จะใช้กำลังรบโจมตี เพราะรู้ว่า กองพันที่ 13 ของ ชิตตู ที่มีการติดอาวุธอย่างดีนั้นไม่สามารถโค่นล้มได้ง่ายๆ แบบเดียวกับที่ปฏิบัติการ 1027 ที่เคยถล่มแหล่งปฏิบัติการต้มตุ๋นออนไลน์ได้สำเร็จในทางตอนเหนือของรัฐฉาน คิม โจลิฟฟ์ นักวิเคราะห์พม่าและนักวิจารณ์ ระบุว่าชาวกะเหรี่ยงไม่ได้มีความอยากจะสู้รบกันเอง ยุทธศาสตร์ของ KNU คือการใช้วิธีการแบบการทูต, การเมือง และการทหาร ผสมกัน แทนที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างครึกโครมแบบในรัฐฉาน

ผู้สังเกตการณ์เตือนว่าสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่มีความลื่นไหลได้สูงมาก ในช่วงที่ผ่านมากองกำลังที่มีความเข้มแข็งอย่าง BGF ได้ทำการถอนทัพออกจากกองทัพพม่าแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน นอกจากนี้ยังชี้ว่ามันแสดงให้เห็นถึงการเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ของอำนาจคณะรัฐประหารในพม่า

 

เรียบเรียงจาก

Powerful BGF leader Protecting Chinese- Gangs at Shwe Kokko Declares Autonomous Zone in Myawaddy – Colonel Chit Thu also ends Karen BGF’s Proxy Role Under the Junta, BNI Online, 26-01-2024

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net