Skip to main content
sharethis

รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แจงปมเบี้ยผู้สูงอายุ ต้องดูฐานะการเงินรัฐบาล ระบุคนวัยทำงานน้อยลงกระทบรายได้ประเทศลดตาม สวนทางยอดคนชรามากขึ้น - เตรียมจัดสัมมนาแก้ปัญหาโครงสร้างประชากร ขอทุกหน่วยงานร่วมมือจริงจัง เหตุเด็กเกิดใหม่ลดลง หวั่นประชากรของไทยลดฮวบในอนาคต


แฟ้มภาพ

1 ม.ค. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกรณีที่มีองค์กรผู้สูงอายุบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า ประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบแล้ว และอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสุดยอดซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด จึงแสดงให้เห็นว่าคนวัยทำงานจะมีจำนวนน้อยลง สวนทางปริมาณของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ของรัฐบาลหรือของประเทศมาจากภาษี ซึ่งถ้าคนทำงานมีน้อยลง รายได้ของประเทศก็จะลดลง แต่ผู้ที่ต้องการใช้สวัสดิการดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้น

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ตนก็อยากให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพ 3,000 หรือ 5,000 บาท แต่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงรายรับของรัฐบาลด้วย มิฉะนั้นประเทศเราจะยังอยู่ในวังวนการกู้ยืมเงินแล้วเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งนี้เราเห็นใจผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งพม.จะทำให้ดีที่สุดในการกระจายให้ทั่วถึงประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปทุกคน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินของรัฐบาลด้วย ซึ่งไม่เพียงกรณีของเบี้ยผู้สูงอายุ ยังรวมถึงเรื่องเบี้ยผู้พิการและเงินอุดหนุนสำหรับเด็กแรกเกิดด้วย

เตรียมจัดสัมมนาแก้ปัญหาโครงสร้างประชากร

นายวราวุธ ยังกล่าวถึงงานของกระทรวง พม.ที่จะเร่งดำเนินการในปี 2567 ว่ากระทรวงพม.จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับโครงสร้างประชากร ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทยในขณะนี้ เพราะปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอยู่ที่ประมาณ 400,000 กว่าคน แต่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 600,000 คน ถือว่าติดลบ ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ประชากรของไทยลดลงเหลือ 33 ล้านคน ภายในเวลา 50-60 ปีจากนี้ไป ซึ่งแปลว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ต้องรับภาระมากมายในสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ปัญหาทางสังคมและโครงสร้างประชากรของไทยในขณะนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขด้วยการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การส่งเสริมให้มีจำนวนเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้น เพราะเรากำลังมีปัญหาที่ประชาชนกลุ่ม Gen Y หรือกลุ่ม Gen Z ไม่อยากจะมีครอบครัวและไม่อยากมีผู้สืบสกุล ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างสังคมให้มีความอบอุ่น มีความปลอดภัย และมีคุณภาพ เพื่อทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกถึงความปลอดภัยและความอุ่นใจในการสร้างครอบครัวและมีลูกหลาน


ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net