Skip to main content
sharethis

อนุ กมธ.ศึกษาฯ ระบบเลือกตั้ง ส.ส.ร.สภาผู้แทนราษฎร เผย 3 แนวทางการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง อาจเป็น 'ตัวแทนพื้นที่-สัดส่วนผู้เชี่ยวชาญ-ตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางสังคม' หวังให้ทุกฝ่ายคลายข้อกังวล และเห็นพ้อง ส.ส.ร. ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด - ประธานอนุ กมธ.รับฟังความเห็นประชาชนทำประชามติฯ เผยเตรียมแจกแบบสอบถามรับความเห็น สส. - สว. หลังเปิดสมัยประชุมสภา คาดนำเสนอผลต่อที่ประชุมคณะใหญ่สัปดาห์สุดท้ายของปี 66

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบการเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนักวิชาการเพื่อรับฟังข้อเสนอทางเลือกระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า การรับฟังความเห็นข้อเสนอทางเลือกระบบการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ของอนุ กมธ.เพื่อต้องการคลายข้อกังวลของกลุ่มบุคคลที่ยังไม่เห็นด้วยกับการ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อให้การได้มาซึ่ง ส.ส.ร.มีความชอบธรรมมากขึ้น โดยที่ประชุมวันนี้ (4 ธ.ค.66) ได้เชิญนักวิชาการที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงคณะกรรมการศึกษาจากรัฐบาล เพื่อให้ได้ความเห็นรอบด้านมากขึ้น อาทิ ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ รองศาสตราจารย์กนกรัตน์ เลิศชูสกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา

ภายหลังการพิจารณาเบื้องต้นที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนวทางการสรรหา ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภท X คือ ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนพื้นที่ / ประเภท Y คือ ส.ส.ร.ที่เป็นสัดส่วนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้มีประสบการณ์ ซึ่งอาจมาจากการเลือกตั้งโดยตรง หรือ ให้ ส.ส.ร.ประเภท X ที่ได้รับคัดเลือก เป็นผู้สรรหาผู้เชี่ยวชาญ และ ประเภท Z คือ ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางสังคม อาทิ กลุ่มหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มคนพิการ ซึ่งขณะนี้ อนุ กมธ.อยู่ระหว่างการรวบรวมความเห็นและการประเมินข้อดีข้อเสีย บนเงื่อนไขว่า แนวทางได้มาซึ่ง ส.ส.ร.ทุกประเภทดังกล่าว ล้วนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งหากรวบรวมข้อมูลข้อเสนอแนะครบถ้วนแล้วจะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร และยื่นให้คณะกรรมการศึกษาของรัฐบาลนำไปพิจารณาต่อ ด้วยความหวังว่า เมื่อเห็นทางเลือกที่เป็นไปได้เหล่านี้ จะทำให้ทุกฝ่ายคลายข้อกังวล และเห็นตรงกันได้ว่า ส.ส.ร. ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

เตรียมแจกแบบสอบถามรับความเห็น สส. - สว. หลังเปิดสมัยประชุมสภา คาดนำเสนอผลต่อที่ประชุมคณะใหญ่สัปดาห์สุดท้ายของปี 66

ด้านนายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เปิดเผยก่อนเข้าประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการ (อนุกมธ.) พิจารณาศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบการเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นประธานอนุกมธ. ว่าที่ประชุมจะรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับประเด็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ยังมีความเห็นต่างกันเรื่องของสัดส่วนการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ว่านอกจากส่วนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแล้ว ส่วนที่เหลือจะมาจากนักวิชาการ เช่นเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 หรือไม่อย่างไร นอกจากนี้กล่าวถึงความคืบหน้าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า วันที่ 7 ธ.ค. นี้ นายเจือ ราชสีห์ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ในฐานะคณะอนุกรรมการฯ จะนำทีมลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อรับฟังความเห็นประชาชน หลังจากนั้นเมื่อเปิดสมัยประชุมแล้ว ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13-14 ธ.ค. และการประชุมวุฒิสภา วันที่ 18-19 ธ.ค. นี้ จะได้แจกแบบสอบถามเพื่อรับฟังความเห็นจากทั้ง สส.และ สว. โดยวันนี้ (4 ธ.ค. 66) ตนได้ส่งหนังสือขออนุญาตแจกแบบสอบถามต่อสมาชิกทั้งสองสภา ไปยังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้มีประเด็นคำถามที่สอบถาม สส. และ สว. อาทิ เห็นด้วยหรือไม่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เห็นด้วยหรือไม่กับกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา เนื้อหาส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข และที่มาของสสร.ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือสัดส่วนนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้วย อย่างไรก็ตามหลังการรับฟังความคิดเห็นจาก สส.และสว. แล้ว วันที่ 21 ธ.ค. นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อสรุปผลการดำเนินการ ก่อนจะรายงานต่อที่ประชุมคณะใหญ่ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค. ต่อไป 

นายนิกร กล่าวถึงกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ด้วยว่าตนได้ตัดเรื่องเสียงเกินกึ่งหนึ่งสองชั้นออกไปแล้ว โดยลำดับถัดไปจะนำคณะเข้าหารือกับเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อรับฟังแนวทางการทำประชามติของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการทำประชามติรับฟังความเห็นจากประชาชนมากที่สุด และเป็นประเทศที่ใช้ระบบประชาธิปไตยทางตรง ส่วนข้อถามถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองต้องการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ม.112 ว่าเห็นด้วยหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนยึดแนวทางของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยจุดยืนเดิมคือไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือความผิดร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของบุคคลภายนอก รวมทั้งความผิดในคดีอาญา ในกรณีนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืนต้องค่อยเป็นค่อยไปในการดำเนินการ


ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา [1] [2]
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net