Skip to main content
sharethis

เหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลและสถานพักพิงผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติในกาซ่า ยังคงเกิดขึ้นถึงแม้ว่าทางยูเอ็นจะเคยเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ให้อิสราเอลโจมตีสถานที่เหล่านี้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของสงคราม ขณะเดียวกันสภาพที่อันตรายและการขาดแคลนพื้นที่พักพิงผู้ลี้ภัยยังทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพผู้คนออกมาด้วย

หน่วยงานบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติเปิดเผยว่าอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายโรงเรียนซึ่งถูกตัดแปลงให้เป็นสถานที่หลบภัยสำหรับผู้ลี้ภัย เป็นเหตุให้มีคนถูกสังหารอย่างน้อย 6 คน

ฟิลิปเฟ ลาซซารินี ประธานกรรมาธิการของสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ (UNRWA) แถลงเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมาว่าเหตุการณ์โจมตีแหล่งพักพิงผู้ลี้ภัยที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งที่ "โหดเหี้ยม" และ "แสดงให้เห็นถึงความฉาวโฉ่ในเรื่องการละเลยต่อชีวิตของพลเรือน" และแสดงให้เห็นว่ากาซ่าไม่เหลือสถานที่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งสถานพักพิงของ UNRWA

ลาซซารินี กล่าวว่าโรงเรียนแห่งที่ถูกโจมตีนี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางค่ายผู้ลี้ภัย อัลมากาซี ใจกลางฉนวนกาซ่า ซึ่งยังคงถูกโจมตีถึงแม้ว่าทาง UNRWA จะทำการแจ้งประสานงานเกี่ยวกับการใช้พื้นที่นี้ให้กับ "ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" ได้ทราบทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เป็นต้นมา

ลาซซารินี บอกว่า "โรงเรียนถูกโจมตีในช่วงที่กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและการระดมทิ้งระเบิดใส่ฉนวนกาซ่า" การโจมตีที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้ผู้คนหลายสิบรายรวมถึงเจ้าหน้าที่ UNRWA ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่อาคารโรงเรียน "ได้รับความเสียหายทางโครงสร้างอย่างหนัก" และมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนตัวเลขผู้สูญเสียอาจจะมีมากกว่านี้

โรงเรียนแห่งที่ถูกโจมตีเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยประมาณ 4,000 ราย ลาซซารินี บอกว่าการที่อาคารโรงเรียนถูกทำลายทำให้ผู้คน "ไม่มีที่ไป"

องค์การอนามัยโลกระบุว่ามีการโจมตีใส่สถานพยาบาลรวมแล้ว 48 แห่งในฉนวนกาซ่า นับตั้งแต่สงครามที่เติ่มต้นตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการที่รัฐบาลอิสราเอลเปิดฉากโจมตีกาซ่าเพื่อโต้ตอบการโจมตีแบบก่อการร้ายของกลุ่มกองกำลังฮามาส

สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่ามีโรงพยาบาลอย่างน้อย 24 แห่ง ที่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิด และมีสถานพยาบาล 3 แห่งทางตอนเหนือของกาซ่าต้องทำการอพยพหนี

ทางสหประชาชาติเคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ขออย่าให้มีการโจมตีอาคารพลเรือน, โรงพยาบาล, โรงเรียน, คลินิก และสถานที่ของยูเอ็น โดยบอกว่า "สงครามก็มีกฎเกณฑ์"

มาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการฝ่่ายกิจการด้านมนุษยธรรมและการประสานงานบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์ฉุกเฉินของสหประชาชาติ กล่าวว่า "ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นการทดสอบสำหรับความเป็นมนุษย์" และ "ความเป็นมนุษย์กำลังพ่ายแพ้" กริฟฟิธส์ชี้ให้เห็นเหตุการณ์ที่มีการใช้กำลังถล่ม "บ้านเรือน, โรงเรียน, สถานพักพิง, ศูนย์สุขภาพ และศาสนสถาน" เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในปาเลสไตน์จำนวนมาก ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายร้อยคน

ทาง UNWRA เคยประกาศเตือนก่อนหน้านี้ว่า "สงครามมีกฎเกณฑ์ คือไม่สามารถโจมตี พลเรือน, โรงพยาบาล, โรงเรียน, คลินิก และสถานที่ของยูเอ็นได้"

UNWRA แถลงอีกว่า "พวกเรากำลังใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสงครามกระทำตามข้อผูกมัดภายใต้กฎหมายนานาชาติในการที่จะปกป้องพลเรือนรวมถึงกลุ่มผู้ที่ขอลี้ภัยในสถานพักพิงของ UNWRA ด้วย"

การโจมตีใส่โรงพยาบาลที่กาซ่าทำให้นานาชาติประณามอย่างหนัก มีหลายกลุ่มจากนานาชาติที่บอกว่าพวกเขาจะทำการสืบสวนกรณีการโจมตีโรงพยาบาล

สำนักงานประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติแสดงแผนภาพเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ระบุว่าในความขัดแย้งครั้งนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 3,500 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 13,000 ราย โดยรวมจากทั้งในกาซ่าและเวสต์แบงค์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่อ้างอิงมาจากกระทรวงสาธารณสุขในกาซ่า ขณะที่อิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 4,500 ราย จากตัวเลขของทางการอิสราเอล

อันโตนิโอ กูแตร์เรส  เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่าเขารู้สึกสะเทือนขวัญต่อเหตุการณ์สังหารพลเรือนหลายร้อยคนหลังจากที่มีการโจมตีโรงพยาบาลในกาซ่าเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา และระบุทางทวิตเตอร์ว่าเขาขอ "ประณามอย่างหนัก" ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิต รวมถึงย้ำว่า "โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมนานาชาติ" นอกจากนี้กูแตร์เรสยังประณามการโจมตีโรงเรียนที่เป็นแหล่งพักพิงผู้ลี้ภัยด้วย

กองทัพอิสราเอลระบุในทวิตเตอร์เพื่อแก้ตัวในเรื่องนี้ว่า จากข้อมูลข่าวกรองของพวกเขา ทำให้ทราบว่ามีการขีปนาวุธจากฝ่ายกองกำลังติดอาวุธจีฮัดมุ่งเป้ามายังอิสราเอลแต่แล้วขีปนาวุธก็เบี่ยงไปจากเส้นทางเดิม จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อโรงพยาบาลในกาซ่า

องค์การอนามัยโลกแถลงว่าถึงแม้จะมีคำสั่งให้โรงพยาบาล 20 แห่งทางตอนเหนือของกาซ่าอพยพย้ายผู้คนออกจากพื้นที่ แต่ในแง่ของการปฏิบัติแล้ว พวกเขาไม่สามารถอพยพเคลื่อนย้ายได้เพราะสภาพเหตุการณ์ที่อันตราย สภาพของผู้ป่วยจำนวนมากที่อยู่ในระดับวิกฤต การขาดแคลนรถพยาบาล ขาดแคลนคนทำงาน ขาดแคลนเตียง การขาดแคลนในระบบสาธารณสุข และการขาดแคลนสถานที่พักพิงอื่นๆ สำหรับผู้อพยพ

โฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แถลงประณามการโจมตีโรงพยาบาลในกาซ่าว่า "เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง" อีกทั้งยังระบุว่า "พวกเรายังไม่อาจรู้ได้เต็มที่ว่ามีการสังหารหมู่เกิดขึ้นถึงระดับไหน แต่มันเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่า ความรุนแรงและการเข่นฆ่าควรจะต้องหยุดลงเดี๋ยวนี้"

เรียบเรียงจาก:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net