Skip to main content
sharethis

'พีมูฟ' เคลื่อนขบวนไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ สถานที่จัดการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยครั้งที่ 2 (TCAC2) คัดค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกลุ่มทุน แย่งยึดที่ดินคนจน

6 ต.ค. 2566 เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move รายงานว่าวันนี้ (6 ต.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ เดินทางจากทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นที่ปักหลักชุมนุม ไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยครั้งที่ 2 (TCAC2) โดยมีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิด

ระหว่างการเดินทาง ตัวแทนพีมูฟได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียง โดยเริ่มปราศรัยตั้งแต่บริเวณแยกอโศกมนตรีจนถึงบริเวณหน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และปราศรัยต่อเนื่องทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง 

พชร คำชำนาญ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้กล่าวถึงประเด็นการละเมิดสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชน ผ่านการดำเนินการตามแนวนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว อาทิ BCG คาร์บอนเครดิต ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ป่าในไทยสูงถึง 55% ซึ่งแต่เดิมในแผนแม่บทป่าไม้ของไทยได้ระบุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ป่าไว้ 40% ผ่านนโยบายป่าไม้ที่ดินมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทำให้ประชาชนถูกดำเนินคดีจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ถูกบังคับให้อพยพจากบ้านที่อยู่ในผืนป่า สูญเสียวิถีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงกรณี 'บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ' นักปกป้องสิทธิชุมชนบางกลอย จ.เพชรบุรี ที่ถูกบังคับให้สูญหายจากการออกมาต่อสู้และปกป้องสิทธิที่ถูกละเมิดจากนโยบายทวงคืนผืนป่าในรัฐบาล คสช.

ณัฐพร อาจหาญ กรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคอีสาน ได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในภาคอีสาน ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ยุคสัมปทานป่าโดยหน่วยงานรัฐทำให้สภาพป่าในพื้นที่เสื่อมโทรม ความพยายามในการนำโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชนเข้าไปในพื้นที่ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ซึ่งทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ จนมาถึงปัจจุบันที่มีนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวที่รัฐกล่าวว่า มีเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก แต่กลับเลือกใช้การเพิ่มพื้นที่ป่าเพื่อรองรับการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นละอองของกลุ่มทุนพลังงานและอุตสาหกรรมเป็นวิธีการหลัก มากกว่าการควบคุมสาเหตุในการปล่อยมลพิษ

กัญญรัตน์ ตุ้มปามา สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้กล่าวถึงประเด็นการออกมาปักหลักชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลในครั้งนี้ว่า การที่ประชาชนหลั่งไหลเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อชุมนุมครั้งนี้ ล้วนเกิดผลกระทบจากนโยบายป่าไม้ที่ดินที่ไม่ได้รับการสะสางและแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะในรัฐบาลใด ๆ มาเป็นระยะเวลานับสิบปี แม้แต่ในรัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน ที่มักกล่าวว่าเป็นรัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เมื่อประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับการแก้ไขในพื้นที่ จนต้องมาปักหลักชุมนุมบริเวณที่ใกล้นายกฯ มากที่สุด แต่เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ได้ออกมาพบปะ พูดคุยทำความเข้าใจ และรับฟังเสียงของประชาชนแต่อย่างใด ปล่อยให้ประชาชนนอนตากแดดตากฝนมาเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ และได้ย้ำเตือนถึงจุดยืนในการทำหน้าที่ของรัฐบาลว่า ต้องเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีที่เป็นค่าตอบแทนการทำงานของผู้แทนราษฎรทุกคน

ณัฐกรณ์ ต้นน้ำเพชร กลุ่มบางกลอยคืนถิ่น ได้กล่าวถึงประเด็นคนอยู่กับป่า และชุมชนบางกลอยว่า คนอยู่กับป่าเป็นจำเลยของปัญหาป่าไม้ในไทยมาโดยตลอด แต่ความจริงคนอยู่กับป่าไม่ได้เป็นผู้ทำลายป่า แต่เป็นคนรักษา ดูแล ที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานปฏิบัติกับกลุ่มชาติพันธุ์เหมือนไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง พยายามบังคับอพยพคนออกจากป่า ทำลายและเผาบ้าน เพียงเพราะต้องการพื้นที่ป่าเพื่อนำในอุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ไปประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อยากฝากไปยังสังคมว่า มรดกโลกทางธรรมชาติจะอนุรักษ์ป่าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอนุรักษ์คนอยู่กับป่าด้วย

ในช่วงท้าย พชร คำชำนาญ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้อ่านแถลงการณ์คัดค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกลุ่มทุน แย่งยึดที่ดินคนจน โดยมีเนื้อหาแถลงการณ์ดังนี้

"ทันทีที่การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน ได้มีท่าทีชัดเจนเพื่อเดินหน้านโยบายเอื้อกลุ่มทุนใหญ่และทิ้งประชาชนคนจนไว้ข้างหลัง อันปรากฏเป็นภาพผ่านสื่อมวลชนว่าได้มีการเข้าพบปะกับกลุ่มทุนใหญ่ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการแถลงนโยบายด้านที่ดินและสิ่งแวดล้อมที่ส่อเค้ากระทบกับสิทธิชุมชนท้องถิ่น และจะยิ่งทวีปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยให้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

และทันทีที่การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้ เศรษฐาได้แถลง ณ มหานครนิวยอร์ก เดินหน้านโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero และความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality อ้างว่าจะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แก้ไขปัญหาโลกร้อน แต่ท่านนายกรัฐมนตรีเคยได้รับทราบไหมว่าการแถลงนโยบายเช่นนั้นจะสร้างผลกระทบอย่างไรกับประชาชนจำนวนมหาศาล

ท่านได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เดินหน้านโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเช่นกัน และท่านทราบหรือไม่ว่าการแถลงนโยบายเหล่านั้นได้สร้างความระส่ำระส่ายต่อหลากหลายชุมชนท้องถิ่นที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรมากว่าหลายทศวรรษ

ในขณะที่พวกเราพีมูฟกำลังปักหลักชุมนุมอยู่ที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พวกเราเรียกร้องอยากพบท่านเพื่อเจรจา พูดคุย ให้ความเข้าใจต่อท่านว่าท่านกำลังดำเนินแนวนโยบายที่บิดเบี้ยว ท่านกำลังสานต่อเจตนารมณ์ลิดรอนสิทธิประชาชนและเอื้อกลุ่มทุนซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา และในขณะที่ท่านกำลังเดินหน้าแนวนโยบายเช่นนั้น พวกเราพี่น้องคนอยู่กับป่าต่างเดินหน้ากันเข้าคุก ถูกยึดที่ดินทำกิน กลายเป็นคนจนที่ยิ่งไร้สิทธิ ไร้เสียง ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในรัฐอภิสิทธิ์ชนเช่นนนี้

ท่านทราบหรือไม่ ว่ามีคนที่ต้องตายจากการออกมาต่อสู้ปกป้องผืนป่าผืนดินจากการแย่งยึดของหน่วยงานรัฐ คนต้องตาย ถูกอุ้มหาย และความเป็นธรรมยังไปไม่ถึง
แล้วท่านยังจะเดินหน้าแนวนโยบายเช่นนี้หรือ

เรามาที่นี่เพื่อขอประกาศเจตนารมณ์ของพวกเราในนามประชาชนคนจนที่มีความเป็นคนไม่ต่างจากท่าน และไม่ต่าฃจากกลุมทุนมากมายที่หนุนหลังท่าน ว่าเราไม่เห็นด้วยกับนโยบายคาร์บอนเครดิต เพราะกำลังเอื้อกลุ่มทุนให้ยังทำลายล้างโลกนี้ต่อไปได้ ฟอกตัวคนบาปให้กลับมาขาวสะอาด ฟอกเขียวให้กลุ่มทุนยังเดินหน้าลิดรอดสิทธิประชาชน กอบโกยผลประโยชน์บนผืนดินนี้ต่อไปอย่างมูมมาม

และเราขอเรียกร้องให้ท่านหยุดนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิตโดยทันที ฟังเสียงของพวกเรา เห็นหัวพวกเราประชาชนคนจนให้เหมือนเห็นหัวพวกพ้องกลุ่มทุนของท่านบ้าง

และเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลของท่านต้องเร่งเดินหน้าสังคายนากฎหมายและนโยบายด้านป่าไม้-ที่ดินทั้งระบบ คืนความเป็นธรรม คืนความเป็นคนให้กับประชาชนคนจนผู้หล่อเลี้ยงประเทศนี้ ก่อนที่สถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่ และศรัทธาของประชาชนต่อตัวท่านจะหมดสิ้นลง"

ก่อนเดินทางกลับไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ทางพีมูฟได้สื่อสารไปยังสื่อมวลชนว่า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปักหลักชุมนุมในครั้งนี้ สามรถเดินทางมายังบริเวณที่ชุมนุมเพื่อรับข้อมูล ข้อเท็จจริงในพื้นที่จากประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายป่าไม้ที่ดิน และยืนยันจะปักหลักชุมนุมต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net