Skip to main content
sharethis

‘ปดิพัทธ์’ รองปธ.สภาฯ คนที่ 1 แถลงน้อมรับมติพรรค ย้ำจุดยืนทำสภาฯ โปร่งใส ยังอุบเข้าพรรคไหน เผยแค่ไม่ข้ามขั้ว

29 ก.ย. 2566 ที่อาคารรัฐสภา ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 และ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เปิดแถลงข่าวถึงแนวทางการทำงานหลังจากนี้ หลังพรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เมื่อคืนวานนี้ (28 ก.ย.)

ปดิพัทธ์ ระบุว่า สืบเนื่องจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดทางให้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อจะทำให้พรรคสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเงื่อนไขนี้ทำให้ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลได้ 

ปดิพัทธ์ กล่าวว่าการลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกลับไปปฏิบัติหน้าที่เป็น สส. คนหนึ่ง แต่หลังจากพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ถ้าตนตัดสินใจเลือกลาออกจากการเป็นรองประธานสภาฯ จะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนวาระที่ตนได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนและสภาฯ 

ฉะนั้น ตนจึงตัดสินใจหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้มีกรรมการบริหารชุดใหม่ ตนจึงแสดงความจำนงว่าต้องการทำหน้าที่ต่อในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำให้ตนไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป

ปดิพัทธ์ กล่าวว่าเหตุผลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจมีอยู่ 3 ส่วน    

  1. ต้องใช้วาระที่เหลือของสภาฯ ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาฯ ให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนตามที่ตนได้เคยแถลงไว้ตั้งแต่ต้น สภาที่โปร่งใสหมายความว่า ตนจะขับเคลื่อนให้สภามีระบบการจัดเก็บ-เปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้ในรูปแบบของ machine readable ทั้งหมด เช่น สถานะของร่างกฎหมาย ผลการลงมติ รายงานประชุม เชาวเลขของการตอบถามกระทู้สด งบประมาณของสภา   
  2. ต้องการปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาฯ อย่างเป็นกลางต่อทุกพรรค ต่อประชาชนทุกชุดความคิด ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใดก็ตาม ดังนั้นการที่ต้องเปลี่ยนพรรคต้นสังกัดจะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่
  3. มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมีบุคลากร มีความพร้อมในการดูแลประชาชน จ.พิษณุโลก เขต 1 ได้

ปดิพัทธ์ ยังไม่ตอบว่าจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคใด เขามีเวลา 30 วันในการหาพรรคต้นสังกัดใหม่เพื่อรักษาสมาชิกภาพ สส. ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ

“การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลเมื่อวานไม่ได้เป็นการตัดสินใจในระยะสั้นเรามีการพูดคุยถึงออปชั่นต่างๆ ร่วมกัน แต่ว่าการพูดคุยมันสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าผมได้มอบฉันทามติให้ว่าผมน้อมรับมติของพรรค เพราะฉะนั้นหลังจากนี้เป็นการตัดสินใจของผมเอง ว่าผมจะอยู่ที่พรรคไหน แต่แน่นอนต้องเป็นพรรคการเมืองที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของผม ไม่สามารถข้ามขั้ว ไม่สามารถที่ไปอยู่กับพรรคการเมืองที่ขัดแย้ง กับอุดมการณ์ของผมได้ครับ” ปดิพัทธ์ กล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net