Skip to main content
sharethis

สัมภาษณ์ น้องสาววารุณี ถึงเหตุการณ์การวันจับกุมพี่สาวแบบเซอร์ไพรส์ ทั้งที่ไม่เคยหนี รายงานตัวตลอดตามนัด โมเม้นท์วันตัดสิน เผยเข้าเยี่ยมช่วงแรก ยังห่วงแต่คนข้างนอกว่าจะอยู่อย่างไร ไม่คิดว่าจะประทัวงด้วยวิธีนี้ จนกระทั่งผิดหวังมากครั้ง ก่อนตัดสินใจอดอาหารประท้วงทวงสิทธิประกันตัวผ่านแววตาที่เปลี่ยนไป ย้ำว่าความไม่อยากจะทนแล้ว พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาการรักษาอาการเจ็บป่วยภายในเรือนจำ

2 ก.ย.2566 นับเป็นการอดอาหารประท้วงวันที่ 13 ของ ‘วารุณี’ ผู้ต้องขังคดี ม.112 อายุ 32 ปี เพื่อทวงสิทธิประกันตัว ซึ่งปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. โดยยังดื่มนม น้ำ และยารักษาโรค หลังศาลที่สั่งไม่ให้ประกันตัวเรื่อยมา เป็นจำนวน 5 ครั้ง (เป็นการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง 1 ครั้ง) ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาในวันที่ 28 มิ.ย. 2566 ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่าปัจจุบันวารุณีแอดมิทอยู่ที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยญาติของวารุณีติดต่อไปยัง รพ.ราชทัณฑ์ และได้รับแจ้งจากพยาบาลว่า ปัจจุบันวารุณี ‘ไม่รับอาหาร น้ำ (Dry Fasting)และเกลือแร่ รวมถึงปฏิเสธการกินยาประจำตัวทั้งหมดแล้ว’

มาจับแบบเซอร์ไพรส์ ทั้งที่ไม่เคยหนี รายงานตัวตลอดตามนัด

น้องสาวของวารุณี (สงวนชื่อ-นามสกุล) เล่าว่า ตอนนั้นอยู่ที่พิษณุโลก แล้วไม่ได้เห็นว่ามีหมายศาลหมายอะไรมาก่อนจากนั้นช่วงเช้าวันเกิดเหตุปรากฏมีตํารวจมาที่บ้านและเข้ามาจับกุม พร้อมทั้งคุมตัวพี่สาวตนใส่รถ ทั้งที่พี่สาวเพิ่งตื่นเนื่องจากเป็นเวลาเช้ามาก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเมื่อถึงเวลารายงานตัวพี่สาวตนก็มาทุกครั้งไม่ได้ขอเลื่อนหรือหนี รายงานตัวครบตลอด

ก่อนวันตัดสิน วารุณี มีความกังวล และไม่สามารถตอบได้ว่าจะทำอย่างไรต่อ เช่นเดียวกับตนก็มีความกังวล แต่จากการปรึกษาทนายความคาดหมายกันว่าจะเป็นการรอลงอาญาทำให้คลายความกังวลไปครึ่งหนึ่ง 

เล่าวันตัดสิน

"วันตัดสิน ตอนนั้นเราเห็นข้อความจากพี่สาว เราก็ตกใจว่า อ้าวแล้วไม่รอลงอาญาแล้วคืออย่างไรต่อ เพราะเราก็ไม่รู้กระบวนการว่าคือมันอย่างไร แต่ตอนนั้นคือเรากําลังจะเข้าสัมภาษณ์งานก่อน พอเราแบบพิมพ์ถามอะไร ก็คือพี่เขาก็ไม่ตอบแล้ว แล้วทีนี้พอเราสัมภาษณ์งานเสร็จ เราก็รีบเดินทางไปศาลอาญา แล้วก็เห็นว่าพี่เราโดนเหมือนคล้ายๆ ว่าฝากขัง เขาอยู่ในห้องที่เป็นห้องกรง" น้องสาวของวารุณี กล่าวอธิบายตามความเข้าใจของเธอ

จากนี้ตนสอบถาม เพื่อนที่เขาเข้าฟังคำตัดสินด้วยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งพยายามคุยกับพี่สาว รอดูว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ท้ายที่สุดกลับไม่ได้รับการประกันตัว

"เราก็มีตะโกนถามเขา(วารุณี)นะ ว่าเขากลัวไหม ตอนถูกขังอยู่ใต้ถุนศาล เขาก็พยักหน้า บอกว่ากลัว ตอนนั้นเราก็รู้สึกใจไม่ค่อยดี" น้องสาวของวารุณี กล่าว พร้อมทบทวนว่าก่อนมีคำตัดสินทนายความ คาดว่าอาจจะรอลงอาญา แต่เมื่อผลออกมาไม่รอลงอาญา อีกทั้งยังไม่ให้ประกันตัว จึงใช้โทรศัพท์คุยระหว่างลูกกรงพร้อมทั้งพยายามปลอบใจงพี่สาวตนว่า อาจจะเข้าไปไม่นานก็ได้ เพราะว่าสักพักก็จะมีคําสั่งออกมาให้ประกันตัว ตอนนั้นตนก็ไม่ได้รู้มากมาย ว่ากฎหมายมันมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง แค่ให้กําลังใจเท่าที่ทําได้

จากนั้นตนพยายามติดต่อคนนั้นคนนี้ ขณะที่สายจากคนอื่นก็โทรเข้ามาจำนวนมากในวันนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่สาวตนมักไปรายงานตัวหรือไปศาลแบบเงียบๆ โดยไม่เคยบอกใคร แม้กระทั้งวันที่จะมีคำตัดสิน พี่สาวก็ไม่ได้โพสต์แจ้งต่อใครด้วย โดยตนอยู่รอจนส่งพี่สาวขึ้นรถของราชทัณฑ์

10 วันหลังอยู่ในเรือนจำ ห่วงแต่คนข้างนอกว่าจะอยู่อย่างไร

10 วันที่วารุณี อยู่ในเรือนจำ น้องสาววารุณี เล่าว่าในวันที่ตนเข้าเยี่ยมครั้งแรก บรรยากาศมันคือเหมือน พี่สาวตนห่วงแต่คนข้างนอก กลัวว่าพอตัวเขาไม่อยู่ แล้วบรรดาค่าใช้จ่ายต่างๆ จะทําอย่างไร โดยไม่พูดเรื่องตัวเองเลย ทั้งที่ 10 วัน ที่อยู่ในเรือนจำก็ควรอัพเดตว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถามถึงแต่คนอื่น ห่วงแต่คนข้างนอกว่าจะอยู่กันอย่างไร โดยมอบหมายให้ตนไปจัดการธุระค่าใช้จ่ายต่าว นี่เป็นเนื้อหา 15 นาที ที่ได้คุยในการเข้าเยี่ยมครั้งแรก

ไม่คิดว่าจะอดอาหาร จนกระทั่งผิดหวังหลายครั้ง 

"ส่วนเรื่องการอดอาหาร คือไม่เคยรู้จากปากเขา(วารุณี)มาก่อน แต่เรารู้จากทนายที่ไปเยี่ยมเขา ว่าเขาพูดมาแบบนี้ ซึ่งเราก็ตกใจ เพราะว่าตอนนั้นเขาน่าจะเข้าไปประมาณซัก 1 เดือนแล้ว" น้องสาววารุณีกล่าว พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า การยื่นประกันแต่ละครั้ง พี่สาวยังหวังว่าเขาจะได้ออกมา แต่เมื่อผิดหวังหลายครั้ง เหตุผลศาลไม่ให้ประกันตัวก็ยกมาแบบซ้ำๆ เหมือนเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงคือยังกลัวพี่สาวตนจะหลบหนี

ปัญหาการรักษาอาการเจ็บป่วย และจังหวะตัดสินใจอดอาหารประท้วง

อีกเรื่องคือเรื่องเจ็บป่วยของวารุณีนั้น น้องสาววารุณีเล่าว่า กระบวนการข้างในมีมาก ตนจึงไม่ได้เชื่อมั่นว่าจะรักษาได้ แม้แต่การส่งยาให้หรือการส่งสิ่งของอื่นให้ก็ต้องใช้ระยะเวลามาก มีช่วงที่ยานอนหลับของพี่สาวใกล้หมด เมื่อถามกับเจ้าหน้าที่ทางเรือนจํา ว่ายาดังกล่าวเหลืออีกกี่เม็ด เจ้าหน้าที่กลับไม่ตอบตน จนวันถัดมาพี่สาวมาบอกตนที่ได้เข้าเยี่ยมว่ายานอนหลับหมดแล้ว ให้ตนส่งให้ ทำให้วันนั้นตนต้องรีบไปซื้อ แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลกลับอยู่ไกลมาก ขณะที่ตอนนั้นกว่าตนจะได้เยี่ยมพี่สาวก็บ่ายสองบ่ายสามแล้ว อีกทั้งกว่าจะไปเอายามาได้เรือนจำก็ปิดแล้ว ตนจึงมาฝากตอนช่วงเช้าของวันศุกร์ แต่สุดท้ายพี่สาวก็ไม่ได้กินยาได้ในทันที เพราะต้องรอเวลาตรวจสอบอีก โดยที่หมอจะเข้ามาแค่วันศุกร์วันเดียว ซึ่งมันต้องคอยให้หมอไปพิจารณาดูยาอีก ว่าจะจ่ายยาหรือว่าอะไรอย่างอยู่ตลอด ดังนั้นไม่ว่าจะรีบหรือว่าจะซื้อตอนไหนก็ต้องรอหมอตรวจสอบ กระบวนการมันมีเยอะจน ตนจะเชื่อมั่นได้ยังไงว่า เรือนจำจะดูแลผู้ป่วย ได้แบบทั่วถึงจริงๆ

ก่อนที่วารุณีจะยืนยันอดอาหารนั้น น้องสาววารุณี เล่าว่า ตนคัดค้านตลอดว่าอย่าเพิ่งอด ซึ่งพี่สาวรับกับตนว่าจะเอาไปคิดต่อ โดยจะผลการประกันตัวก่อน แต่ในวันที่พี่สาวตนตัดสินใจจริงๆ ตนได้คุยกับทนายที่เข้าเยี่ยมก็เล่าว่า พี่สาวยืนยันจะอดแล้ว ตนจึงตกใจ ทั้งที่เตรียมคำพูดและเหตุผลที่จะมาห้ามอีกครั้ง แต่จากนั้นเมื่อตนเข้าไปอธิบายเหตุผล พี่สาวก็ปัดทุกเหตุผลตกหมดเลย โดยคิดแค่ว่าไม่ไหวแล้ว โดนกลั่นแกล้งมากๆ แล้วก็เหมือนสายตาพี่สาวตนมันบ่งบอก ว่ามันสิ้นหวังมากๆ มันทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วประโยคที่เขาพูดกับตนว่า “ก็ลองมาอยู่ในนี้ดู” ประโยคนี้มันทำให้ตนพูดไม่ออก รวมทั้งสายตาที่ส่งออกมาให้ตนเห็นมันสะท้อนว่า วารุณีคงทุกข์ทรมานมาก จนคิดว่าทุกคนไม่มีใครสามารถเข้าใจเขาได้แล้ว มีแต่เขาที่สามารถเข้าใจตัวเองได้เท่านั้น เรามองตาเขา ดูสิ้นหวัง 

"ตอนที่เขาพูดเขาก็ร้องไห้ด้วยนะ ตอนที่เขาเล่าว่า ข้างในมันเป็นอย่างไรประมาณไหน เขาทนไม่ไหว เขาเล่าทั้งน้ําตาไปด้วย ตอนที่เราคุยกับเขาเราก็ร้องไห้ด้วย" น้องสาววารุณี เล่านาทีที่พี่สาวยืนยันกับตน

เรื่องอดอาหารตนบอกด้วยว่าหากอดแล้วมันก็จะต้องไปต่อ หันมากลับไม่ได้ ซึ่งมันจะทรมานมาก ตนพยายามย้ำให้พี่สาวแน่ใจที่จะเลือกทางนี้จริงๆ ซึ่งพี่สาวก็ยังยืนยันว่า รู้อยู่แล้ว จะตายก็ช่างมันไปไม่ได้สนใจอะไรแล้ว แค่คิดว่าอยู่กับการถูกกลั่นแกล้งไม่ไหวอีกแล้ว

แววตาที่เปลี่ยนไป ไม่อยากจะทนแล้ว 

ตนไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยมาก เห็นความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน เห็นว่าแย่ลงแค่ไหน ซึ่งในอาทิตย์แรกที่ไปเยี่ยม รู้สึกว่าพี่สาวตนสดใสกว่านี้ รู้สึกว่าแววตายังมีความหวัง รู้สึกว่าพี่สาวนั้นมีกําลังใจจากคนข้างนอก กําลังใจจากเพื่อนๆ ยังช่วยพยุงเขาได้อยู่ แต่พอเริ่มยื่นประกันหลายครั้งขึ้น บ่อยขึ้น แล้วยังไม่ได้ออกสักที เมื่อไปเยี่ยมช่วงหลังๆ คือเราเห็นแววตาพี่สาวมันเปลี่ยนไปชัดมาก แววตามันบอกว่า เหนื่อย แววตามันบอกว่า ไม่อยากจะทนแล้ว เมื่อประกันครั้งนั้นพอมันไม่ได้ เหมือนเขาผิดหวังมาก มากจนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยจริงๆ

น้องสาววารุณี ระบุด้วยว่า พี่สาวตนเป็นคนที่ผอมอยู่แล้ว น้ำหนักอยู่ที่ 37-40 กิโลกรัม เมื่อเริ่มอด จากที่ตนเคยเห็นพี่สาวว่าผอมมาก หลังอดแล้วเมื่อเข้าไปเยี่ยมแม้ชุดที่สวมจะใหญ่จนสังเกตยากว่าผอมลงขนาดไหน แต่ดูจากแขนก็เห็นว่า ผอมมากๆ ไม่เคยเห็นแขนพี่สาวเล็กขนาดนี้มาก่อน ส่วนใบหน้าเราไม่เห็น เนื่องจากเขาส่วมแมสก์ แต่ว่าจากการเยี่ยมช่วงหลังๆ ตาพี่สาวเริ่มลึกโบ๋ลงไป ชัดเจนมาก การเคลื่อนไหวก็ช้าลงมากๆ

ส่วนเรื่องถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้น น้องสาววารุณี กล่าวว่า ขณะนั้นไม่มีคนโทรมาบอกเลย วันก่อนหน้านั้นตนไปเยี่ยม แล้วพี่สาวบอกกับตนว่า วันพรุ่งนี้จะไปหาหมอ จะไปตรวจเลือด ให้หมอเช็คอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตนรู้เท่านั้น จนมารู้อีกทีว่าอยู่โรงพยาบาล ทั้งที่ตนได้แจ้งทางกรมราชทัณฑ์ไปแล้ว ว่าหากมีเหตุฉุกเฉินหรือมีอะไรให้โทรศัพท์มาหาตน แต่ทางเรือนจํากลับไม่โทรมาหา ขณะที่ตนถามอาการหรือว่าอะไรเราก็ต้องเป็นคนที่โทรไปสอบถามตลอด

"รู้ว่าทุกคนเป็นห่วง ด้วยความที่เราเป็นน้องสาว ด้วยความที่เป็นครอบครัว ก็คือ เราก็เป็นห่วงพี่เราอยู่แล้วล่ะจริงๆ แต่คือถ้าใครได้มาเห็นสีหน้าแววตา แล้วก็คําพูดของพี่สาวเราวันนั้น จะเข้าใจมากว่าทําไมเขาถึงตัดสินใจ จะเข้าใจเขาโดยที่ ไม่ตั้งข้อสงสัยว่าทําไมเขาทําแบบนี้" น้องสาววารุณี กล่าว พร้อมขอบคุณที่ทุกคนคอยให้กําลังใจและเป็นห่วงพี่สาวตน ตนได้บอกกับพี่สาวว่าเราเป็นห่วงพี่สาวตน แล้วเพื่อนๆ ก็มีส่งข้อความเป็นห่วงเขากันจำนวนมาก พี่สาวรับรู้ความเป็นห่วงของทุกคนแล้ว อยากให้ช่วยเป็นแรงสนับสนุน ช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้มีโอกาสได้ประกันตัวออกมาใช้ชีวิตอิสระแบบที่ไม่ต้องโดนคุมขังแบบนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net