Skip to main content
sharethis

พรรคเพื่อไทยปราศรัย อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 'เศรษฐา' ชูพักหนี้-ปรับค่าแรง-แก้ยาเสพติด ลั่นหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ 'หมอมิ้ง' ย้อนช่วงรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยยืนสู้กับประชาชนมาโดยตลอด

23 เม.ย. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวว่าที่ลานข้างวัดโสภาราม อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัย นำโดย ​นายเศรษฐา ทวีสิน ​แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. ปทุมธานี ได้แก่ นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 เบอร์ 2 , นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 5 คุณ เบอร์ 2 , นายยงยุทธ มั่นบุปพชาติ ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 7 เบอร์ 1

จากนั้น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย ปราศรัยเป็นคนแรก โดยได้บอกกล่าวถึงนโยบายเรื่องของการแก้หนี้เกษตรกร รวมถึงการหารายได้ให้ภาคเกษตร การหาตลาดในการส่งออกในการหารายได้ ตามนโยบาย "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ให้กับเกษตร" โดยมั่นใจว่าภายใต้นโยบายพรรคเพื่อไทย มันจะทำได้ภายใน 4 ปี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างแน่นอน รวมอธิบายขยายความเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงของการปราศรัย

ช่วงหนึ่ง นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า มีหลายคนบอกว่า พรรคเพื่อไทยนั้น 'สู้ไปกราบไป' ตนขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย เราต่อสู้ยืนหยัดกับฝ่ายประชาธิปไตย มาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทย อดีต รมต.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก ถูกดำเนินคดี-คุมขัง สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง บาดเจ็บล้มตาย ในช่วงหลังการรัฐประหาร ขอยืนยันว่าเรายังคงต่อสู้ในกติกาประชาธิปไตยมาโดยตลอด

จากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยบอกว่ามาเวทีปราศรัยปทุมธานีครั้งไหนประชาชนก็ลงคะแนนให้พรรคตลอด แต่มีช่วงหนึ่งเกิดปรากฎการณ์งูเห่าในสภาฯ ตอนนี้ย้ายพรรคไปแล้ว พรรคจึงส่งผู้สมัครคนใหม่มาชิงเก้าอี้ ส.ส.คืน พร้อมย้ำ 8 ปีที่ผ่านมาเจ็บปวดเกิดทน แต่อ้างจะต่ออีก 2 ปี จึงถามชาวปทุมฯเข็ดหลาบหรือยัง หากเข็ดหลาบ ถ้าเลือกพรรคอื่นอาจจะได้พลเอกประยุทธ์ กลับมา หากเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบจะได้ ส.ส.เพื่อไทย และนายกฯของพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกันยังหยิบยกปัญหาค่าไฟฟ้าแพงมาชี้ให้เห็นถึงปัญหาการจัดการของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เปรียบถึงนโยบายบัตรสวัสดิการพลัสพรรครวมไทยสร้างชาติให้เดือนละ 1,000 บาท แต่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเดือนละ 2,000 บาท ประชาชนเดือนร้อน แต่พรรคเพื่อไทยชูกระเป๋าเงินวอลเลท 10,000 บาทกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด และย้ำว่าหากเลือกเพื่อไทยไม่ได้แค่ 10,000 บาทเท่านั้น แต่ยังได้การเติมเงินในครัวเรือนที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 20,000 บาทเต็มให้ และค่าไฟค่าแก๊สจะลดราคาลงทันที

ทั้งนี้ยังประกาศด้วยว่า ไม่ต้องกังวลนายยงยุทธ ผู้สมัคร ส.ส. คนใหม่นี้ ได้เป็น ส.ส. เข้าสภาจะเลื้อยหนีอีก จะเอาเชือกกล้วยมัดขาไว้ไม่ให้ไปไหน ยืนยันหากเลื้อยหนีจะจับใส่กระสอบทันที ย้ำการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงการเลือกพรรค แต่เป็นการเลือกอนาคตและสิ่งที่ดีกว่าให้ตัวเอง พร้อมวางรากฐานให้ลูกหลาน เพราะหากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ อยู่ต่อเชื่อว่าบ้านเมืองจะไม่ดีกว่าเดิม พร้อมยกประเด็นพลเอกประยุทธ์ ตั้งน้องชายมาเป็น ส.ว. แต่ลาภารกิจมากกว่าทำงาน และย้ำว่า 14 พฤษภาคม ขอทวงอนาคตอำนาจคืน ทวงรัฐบาลประชาธิปไตย

"ผมฟันธงหากนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ประชาชนหายจนไปนานแล้ว และหากรัฐบาลเพื่อไทยเป็นรัฐบาล 8 ปี ประเทศเจริญไปนานแล้ว" ณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตร ที่เข้าใจว่าทั้ง 2 คน แยกกันเพราะเรื่องตำแหน่งนายกฯมีตำแหน่งเดียวแต่อยากนั่ง 2 คน ตกลงอำนาจกันไม่ลงตัว และเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อไปขอเพื่อไทยส่ง 2 ลุงกลับบ้าน

พร้อมกันนี้ยังย้ำถึงการจับขั้วการเมืองว่าเพื่อไทยประกาศชัดมาตลอดคือ 1.หากเพื่อไทยได้คะแนนอันดับหนึ่งไม่ว่ากี่เสียงเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาล 2.คนเพื่อไทยเท่านั้นต้องเป็นนายกรัฐมนตรี และ 3.นโยบายหลักของเพื่อไทยต้องเป็นนโยบายหลัก ยันไม่มีความคิดจับมือกับเผด็จการ พวกทำรัฐประหาร ขอฟังเสียงประชาชนในการลงคะแนน

“ชัดเจนแบบนี้ เราไม่มีความคิดจะจับมือกับพวกเคยรัฐประหารแต่เราต้องการดูเสียงของประชาชนก่อนเท่านั้น อุ๊งอิ๊งค์ก็พูด เศรษฐาก็พูด บางคนบอกไม่เชื่อ ไม่เชื่อ” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยหากได้ความไว้วางใจกับประชาชน เราไปทำอะไรผิดทิศผิดทางจะถูกประชาชนปฏิเสธในที่สุด ดังนั้น พรรคเพื่อไทยถึงสู้มากว่า 10 ปี เรารู้เรื่องนี้ดีว่าเรามีหลักพิงเดียวคือประชาชน ไม่เช่นนั้น เพื่อไทยจมดินไปนานแล้ว เพื่อไทยจะหักหลังประชาชนได้อย่างไร เพื่อไทยจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชนได้อย่างไร นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวติดตลกถึงตนเองด้วยว่าต่อสู้กับเผด็จการมาตลอด

“ดวงกำลังขึ้น ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ดวงกำลังขึ้น กำลังลงไม่ได้ ออกมาดวงขึ้น ขึ้นอะไร ขึ้นศาลนี่แหละครับ ผมเป็น ส.ส. 1 สมัย รัฐมนตรี 1 สมัย ผู้ต้องขัง 3 สมัยแล้ว ติดคุกเพราะสู้กับเผด็จการนี่แหละ” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิ ย้ำว่า ที่ยืนหยัดของพรรคเพื่อไทยตลอดมา ไม่ใช่ที่ทำการพรรค ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นหัวใจประชาชน เพราะทุกนโยบายที่ประกาศไว้ทำได้

ต่อมา นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ปทุมธานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการทำการเกษตรปัญหาสำคัญคือเรื่องหนี้สินจากการทำการเกษตร ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ยังมีหนี้จากรายจ่าย ของรัฐบาลที่ผ่านมาขาดการเอาใจใส่ดูแล ไม่จัดการทุนใหญ่ที่ทำมาหากินบนความยากลำบากของประชาชน พรรคเพื่อไทยมองว่าต้องมีการพูดคุยกัน ต้องเป็นสังคมที่คุยกันได้ เพราะเราเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ถ้าอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนใหญ่ หรือเกษตรกรก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

นายเศรษฐา ยังย้ำว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากเพื่อไทยจะนำสินค้าจากเกษตรกรไปขายในประเทศต่างๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ส่วนครอบครัวไหนที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท หากได้เป็นรัฐบาลก็จะเติมให้ รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และคนจบปริญญาตรี ต้องมีเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท และคนไทยที่อายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงิน 10,000 บาท จากนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ส่วนคนที่ไม่อยากเกณฑ์ทหารพรรคเพื่อไทยจะเสนอนโยบายเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ เพื่อไม่ให้เสีย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net