Skip to main content
sharethis

"เราซึ่งเป็นชนพื้นเมืองต้องการโอกาส โอกาสในการพัฒนา โอกาสในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเรา" เสียงจากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ชนเผ่าพื้นเมืองในอาร์เจนตินา 


ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

ช่วงเดือน ส.ค. 2565 ILO Voices แพลตฟอร์มการเล่าเรื่องแบบมัลติมีเดียขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ได้นำเสนอเรื่องราวของ 'เซเลสตินา อบายอส' ผู้ประกอบการชนเผ่าพื้นเมือง ที่ทำธุรกิจการท่องเที่ยวใน Quebrada de Humahuaca เขตมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ในจังหวัดจูจุยทางเหนือของอาร์เจนตินา ซึ่งในการทำธุรกิจของเธอได้มีการแบ่งปันวัฒนธรรมชุมชนและความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรควบคู่กันไปด้วย

0 0 0

ฉันคือบุตรแห่ง 'พะชามามา' [Pachamama - เทพมารดา เป็นเทพที่ชาวพื้นเมืองในแถบเทือกแอนดีสให้ความเคารพสูงสุด โดยประเพณีบูชาแม่พระธรณีประจำปีมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิอินคา] มารดาของแผ่นดิน แผ่นดินคือทุกสิ่งสำหรับเรา มันคือชีวิต เรามีความเชื่อว่าเราไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เองหากไม่มีพะชามามา ชุมชนของฉันมีอายุย้อนไปถึง 14,000 ปี ในนามของ 60 ครอบครัว ฉันเป็นผู้นำการต่อสู้ 20 ปีเพื่อสิทธิในที่ดิน การศึกษา และเสรีภาพ

เราเคยอยู่ภายใต้ระบบการเช่าที่ดิน เจ้าของที่ดินแบ่งพื้นที่ให้เราครอบครองและอยู่อาศัย ทั้งสำหรับการหว่านพืชผลและสำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ มันเป็นชีวิตที่ถูกควบคุมเป็นอย่างมาก สิ่งที่ฉันเห็นคือการที่พ่อแม่ของฉันต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินเมื่อสิ้นปีในแต่ละปี มันเป็นช่วงเวลาที่คอยผลักดันฉันเป็นอย่างมากในช่วงวัยรุ่น

ในกระบวนการทวงคืนอาณาเขตของเรา ฉันเริ่มคิดมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรให้ประวัติศาสตร์ของพวกเราในอีกแง่มุมเป็นที่รู้จัก นั่นกระตุ้นให้ฉันคิดว่า "ฉันจะทำอย่างไร ฉันจะนำเสนอสิ่งนี้ได้อย่างไร"

ในปี ค.ศ. 2003 หุบเขา Quebrada de Humahuaca ของพวกเราได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) นี่เป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกเรา ฉันเห็นว่าหลายคนกำลังพูดถึงหุบเขาของเรา วัฒนธรรมของเรา อาหารของเรา และฉันก็พูดกับตัวเองว่า "แต่เราเป็นอย่างนั้น เรารู้วิธีที่จะทำ เราเป็นผู้พิทักษ์วัฒนธรรมของเรา"

วัฒนธรรมสำหรับเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เป็นความรู้และทักษะที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เราเรียนรู้ตั้งแต่เกิด มันอยู่ในสมุนไพรของเรา ในอาหารของเรา ในพืชผลของเรา

ฉันก็เลยคิดว่า "ทำไมไม่กล้าทำในสิ่งที่ฉันรู้ สิ่งที่ได้เรียนรู้มา" นั่นคือที่มาของธุรกิจท่องเที่ยวของฉัน ที่พักและโรงน้ำชาที่ชื่อว่า 'Casa de Celestina'

เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่ Casa de Celestina ฉันยินดีต้อนรับพวกเขา ฉันแนะนำพวกเขาเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร ที่เราดื่มในตอนเช้าและตอนบ่ายเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง ฉันพูดถึงสมุนไพรที่เราใช้เมื่อเราป่วย เก็บเกี่ยวเมื่อไร อบแห้งอย่างไร เก็บรักษาอย่างไร

ฉันพูดถึงอาหารของเรา เรามีข้าวโพดของเราที่นี่และเราทำแป้งของเราเอง ดังนั้นเราจึงมีแป้งสำหรับซุป แป้งสำหรับทามาเล่ แป้งสำหรับทำคุกกี้ แป้งสำหรับทำเครื่องดื่มของเรา แป้งเพื่อทำขนมอบของเรา


เราอยากให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสทำความรู้จักกับสมุนไพรของเรา ว่ามีวิธีการนำสมุนไพรมาใช้อย่างไร | ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

ความรู้ทั้งหมดนั้นอยู่ที่นั่นเพราะได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สำหรับฉัน คุณแม่ คุณย่า คือขุมสมบัติที่แท้จริงของความหลากหลายทางชีวภาพ ปู่ย่าตายายของเราเป็นห้องสมุดที่มีชีวิตในชุมชนของเรา หากไม่มีพวกเขาและปราศจากความรู้นั้น ฉันก็ไม่สามารถพูดได้อย่างในทุกวันนี้

ฉันได้เรียนรู้จากการสังเกต การดู การแบ่งปัน คุณต้องอยู่ที่นั่น คุณต้องมีส่วนช่วยเหลือในที่ดินทำกิน ก่อกองฟืน ตั้งเตาอบ และถวายเครื่องบูชา คุณต้องอยู่ที่นั่นตอนพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อแพะกลับมาอยู่ในคอกแล้ว ปู่ย่าตายายก็นั่งลงและคุณก็จะได้รับการแบ่งปันเรื่องราวของพะชามามา

เราจะทำอาหารท้องถิ่นให้แก่นักท่องเที่ยว จากนั้นเราจะพาไปเยี่ยมชมเมืองและโบสถ์ของเราซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1789 แล้วก็ไปเยี่ยมชมเส้นทางสมุนไพร ซึ่งพวกเขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น Muna-Muna สำหรับรักษารอยฟกช้ำ สำหรับอาการปวดกล้ามเนื้อ

นักท่องเที่ยวจะได้ทำความรู้จักกับเรื่องราวของเรา พิธีกรรใของเรา เช่น การส่งวิญญาณ หรือเรื่องราวของการทวงดินแดนของเรากลับคืนมา


"การเผชิญหน้ากับรสชาติและประวัติศาสตร์" เป็นคำขวัญประจำใจของโรงน้ำชา Casa de Celestina | ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

ฉันแบ่งปันกันแขกที่มาเยือนว่าในหนึ่งวันของฉันเป็นอย่างไรและทำอะไร จากนั้นเราก็จะลงไปดื่มชาและกินพุดดิ้งที่เตรียมไว้ด้วยกัน

ฉันเพิ่มพลังของพวกเขาด้วยสมุนไพรที่เราเก็บมาจากเส้นทางสมุนไพร พวกเขาจะออกไปจากที่นี่พร้อมกับความรู้สึกใหม่ เมื่อพวกเขาได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่มีชีวิต

นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกี่ยวและผู้ที่มาเยี่ยมชมเรา คุณจะเห็นว่าความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมเกิดขึ้นได้อย่างไร ความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมนี้มีมากกว่าการแบ่งปันประสบการณ์ มันคือการมองดูและกันในมุมที่ต่างออกไป มองดูกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

เมื่อต้นปี ค.ศ. 2020 เราเริ่มได้ยินการพูดคุยในสื่อมากมายเกี่ยวกับ COVID-19 จากการได้ดูข่าวฉันสนใจมากที่สุดคือการที่โลกตื่นตระหนก ทันใดนั้นเราทุกคนสวมหน้ากากและไม่สามารถออกจากบ้านได้ เราไม่สามารถทำสิ่งที่เราทำทุกวันได้อีกต่อไป–ลุกขึ้นสิ ไปสวนผลไม้ มาพูดคุย ทักทายกัน เราต้องกักขังชีวิตไว้ทำไม

โรคระบาดกระทบธุรกิจของฉันอย่างหนัก การจองที่พักถูกยกเลิก เงินออมเล็กๆ น้อยๆ ของฉันถูกนำไปดูแลครอบครัว ฉันรู้สึกไร้ความสามารถ รัฐบาลบอกว่ามีเงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการ แต่ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าถึงเงินก้อนนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก


ลูกสาวของฉันและลูกชายของฉัน การล็อกดาวน์ทำให้เราตกตะลึงอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น มันทำให้คุณอยู่ ทำให้คุณดู รู้สึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น รู้สึกมีความสุข ร่วมกับครอบครัวของคุณ ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นข้างบ้านและรับฟัง | ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

แต่ฉันเป็นคนที่เชื่อว่าทุกวิกฤตก่อให้เกิดโอกาส การระบาดใหญ่ครั้งนี้แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเราอย่างมากทั้งในด้านอารมณ์ความรู้สึกและด้านเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นการปูทางไปสู่สิ่งใหม่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปในหมู่บ้านของเรา ฉันจะสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร ฉันจะทำอะไรได้บ้างเมื่อเผชิญกับการระบาดใหญ่ ฉันเริ่มใช้ Zoom และเริ่มพูดคุยประชุมทางออนไลน์กับผู้คนจากสถานศึกษาและองค์กรพัฒนาเอกชน

ฉันมีกลุ่มที่ฉันติดต่อและทำงานด้วยอยู่เสมอ และหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคือ ดร.วิเวียนา ฟิเกอรัว เธอได้เชิญฉันให้เข้าร่วมในหลักสูตร 'Virtual Start and Improve Your Business' (SIYB) ที่ดำเนินการโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. 2021 ฉันสนใจอย่างมากที่จะปรับปรุงความเป็นผู้ประกอบการและพัฒนาแผนธุรกิจ เนื่องจากเป็นสาเหตุหนึ่งที่ฉันไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้และเงินอุดหนุนได้ ฉันก็เลยตอบตกลงทันที

หลักสูตรของ ILO ได้มอบองค์ความรู้ในการขยายธุรกิจให้กับฉัน ฉันยังคงใช้ความรู้นั้นมาจนถึงวันนี้ ทั้งวิธีการจัดทำแผนธุรกิจ ประมาณการต้นทุน การจัดเตรียมงบประมาณและสินค้าคงคลัง และการจัดการกับโซเชียลมีเดีย บางคนในหลักสูตรได้เริ่มธุรกิจของตนเองแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็กำลังจะเริ่ม ถือเป็นโอกาสที่จะแบ่งปันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเรา สิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือคู่มือจากหลักสูตร มันมีประโยชน์มาก


เมื่อฉันแบ่งปันและแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมกับคนที่มาบ้านของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี | ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

ธุรกิจของฉัน Casa de Celestina กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฉันกำลังบรรลุความฝัน

ฉันยังจำคำปราศรัยต่อหน้าประธานาธิบดีเนสตอร์ เคิร์ชเนอร์ ของอาร์เจนตินาเมื่อนานมาแล้ว ฉันบอกเขาว่า "เราซึ่งเป็นชนพื้นเมืองต้องการโอกาส โอกาสในการพัฒนา โอกาสในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเรา"

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชุมชนของฉันที่จะเห็นว่ามันเป็นไปได้ ที่ผู้หญิงเราสามารถดำเนินธุรกิจด้วยเครื่องมือที่เรามี เราไม่ต้องรอให้มีทุกอย่าง แต่เราสามารถเริ่มต้นจากสิ่งที่เรามีตอนนี้ได้


ชุมชนพื้นเมืองของเรามีความยืดหยุ่น ดังที่ปู่ของฉันซึ่งล่วงลับไปแล้ว มักพูดเสมอว่า "ก้าวต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเข้าที่" | ที่มาภาพ: ILO/OIT Ivar Velasquez

เกร็ดข้อมูลเพิ่มเติม

  • อาร์เจนตินามีชนเผ่าพื้นเมืองถึง 35 กลุ่ม จังหวัดจูจุย (Jujuy) มีสัดส่วนครัวเรือนที่เป็นชนพื้นเมืองสูงที่สุด (15%) ในประเทศ
  • อาร์เจนตินาให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยชนพื้นเมืองและชนเผ่าของ ILO ค.ศ. 1989 (ฉบับที่ 169) ในปี ค.ศ. 2000
  • อนุสัญญาระบุถึงสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง และความรับผิดชอบของรัฐบาลในการปกป้องสิทธิเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงสิทธิในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของชนเผ่าพื้นเมืองด้วย
  • จากการศึกษาโดย ILO สำนักงานประจำอาร์เจนตินา พบว่าภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีที่สุดในช่วงหลังเกิดโรคระบาด โดยภาคนี้มีความสามารถในการจัดหา 'งานที่มีคุณค่า' ได้ดีที่สุด
  • 'เซเลสตินา อบายอส' ได้เข้าร่วมการฝึกอบรม ILO Start and Improve your Business (SIYB) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ILO: “สู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมในอาร์เจนตินา”

 

ที่มา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net