ควีนอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ เสด็จสวรรคต โดยมีพระชนมายุ 96 ปี เจ้าฟ้าชายชาร์ลสเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ด้านกลุ่มเรียกร้องเปลี่ยนอังกฤษเป็นสาธารณรัฐ ประกาศพักรณรงค์ 1 วัน
9 ก.ย. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานวันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 00.35 น.พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ จากไปอย่างสงบ โดยมีพระชนมายุ 96 ปี พระองค์จากไปขณะที่สมาชิกครอบครัวคอยประทับเคียงข้างอย่างพร้อมหน้าที่ปราสาทบัลมอรัล ประเทศสก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตาม 'มีแกน มาร์เคิล' พระชายาของเจ้าชายแฮร์รี เปลี่ยนแผนกระทันหัน ไม่ได้มาเข้าเฝ้าในวาระสุดท้าย
เพจเฟซบุ๊ก "Royal Family" รายงานว่า กษัตริย์ชาร์ลส์และพระราชินีองค์ใหม่จะอยู่ที่ประสาทบัลมอรัลในคืนนี้ และจะเดินทางกลับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันพรุ่งนี้ พร้อมขึ้นภาพของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 เป็นสีขาวดำ ขณะที่สำนักข่าวอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนภาพปกเฟสบุ๊กเป็นโทนสีขาวดำก่อนหน้านี้แล้ว
บีบีซีไทย รายงานว่า ประชาชนไปรวมตัวกันที่หน้าพระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอน และปราสาทบัลมอรัลในสก็อตแลนด์ที่พระองค์ประทับอยู่ เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของพระองค์ ขณะที่พระราชวังบักกิงแฮมได้ประกาศยกเลิกการสวนสนามเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ของวันพรุ่งนี้ ก่อนการจากไปของพระองค์แล้ว
ตามแผน 'ปฏิบัติการลอนดอนบริดจ์' ที่มีการนำเสนอตามสื่อก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจะได้รับโทรศัพท์แจ้งเตือนด้วยประโยคที่เป็นรหัสว่า "สะพานลอนดอนพังลงแล้ว" จากนั้นจึงรายงานข่าว ตามด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคคลสำคัญ การป้องกันการจราจล และพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ
รายงานของบีบีซีไทยระบุว่าตลอดการครองราชย์ของควีนอลิซาเบธ 70 ปี มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งในรัชสมัยของพระองค์กว่า 15 คน ทั้งนี้ การจากไปของควีนอลิซาเบธ ส่งผลให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม ขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1
กลุ่ม 'รีพับลิก' พักรบ 1 วัน
ก่อนการเสียชีวิตของพระองค์ กลุ่มรีพับลิก (Republic) ที่เรียกร้องให้สหราชอาณาจักรเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ ขอประกาศพักรบ 1 วัน โดยโพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊กระบุว่า "ชัดเจนว่ามีความกังวลต่อพระพลานามัยของพระราชินี ไม่ว่ามุมมองของเราต่อสถาบันกษัตริย์จะเป็นอย่างไร ช่วงเวลาเช่นนี้นับเป็นเรื่องส่วนตัวและรโหฐานอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดจนกว่าจะหมดวันนี้ เราจะขอไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติม"
โพสต์ดังกล่าวมีผู้สนับสนุนของฝ่ายเรียกร้องสาธารณรัฐมาแสดงความเห็นต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้เฟสบุ๊กคนหนึ่งที่สนับสนุนพรรคแรงงานคอมเมนต์ว่า "สถาบันของกษัตริย์ต่างหากที่ผมมีปัญหาด้วย ไม่ใช่สมาชิก (ส่วนใหญ่) ของสถาบันดังกล่าว"
"เพียงแค่เพราะเราต้องการสาธารณรัฐ ไม่ได้แปลว่าเราอยากให้เธอป่วยไข้ สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็เป็นคุณแม่และคุณยายของใครสักคน" ผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกคนหนึ่งกล่าวสะท้อนเสียงของหลายคนที่เห็นว่าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งและเป็นผลผลิตจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่พระองค์อยู่
แต่หลังจากมีข่าวจากพระราชวังฯ ระบุว่าควีนเสียชีวิตแล้ว กลุ่มรีพับลิก ได้ทวีตข้อความบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์เพิ่มด้วยว่า "เราเสียใจหลังทราบข่าวการจากไปของพระราชินี และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อราชวงศ์"
กลุ่มรีพับลิก ระบุต่อว่า เรายังมีเวลาอีกมากที่จะมาถกเถียงเรื่องอนาคตของราชวงศ์อังกฤษ แต่สำหรับตอนนี้ เราต้องเคารพต่อความสูญเสียของครอบครัว และให้พวกเขาและคนอื่นๆ ไว้อาลัยต่อการสูญเสียแม่ ย่า และทวดของพวกเขา
ขณะเดียวกัน บางคนไม่ได้แสดงจุดยืนว่าเป็นผู้สนับสนุนหรือไม่ และเห็นด้วยกับแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้ใช้อีกคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า "ฉันเคารพแถลงการณ์ของคุณ กลุ่มรีพับบลิก แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ฝ่ายสาธารณรัฐนิยมก็ตาม ผู้นำของคุณกระทำการอย่างเหมาะสมมาโดยเสมอ"
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่เรียกร้องสาธารณรัฐบางส่วนก็แสดงความเห็นต่างไปในทิศทางอื่นๆ "ฉันสงสัยว่าเธอจะเสนอเป็นผู้จ่ายค่าพิธีศพของเธอหรือไม่ เพื่อแสดงท่าทีต่อ 'พสกนิกร' ของเธอในเวลายากลำบากเช่นนี้" ผู้ใช้คนหนึ่งกล่าว
บางคนใช้โอกาสนี้ในการเยาะเย้ย นายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยกล่าวว่า "ใครก็คงหมดสิ้นความอยากมีชีวิตอยู่ทั้งนั้นหลังจากพบเจอกับ 'ลิซ ทรัสส์' ผู้ใช้อีกคนพูดประชดประชันว่า "ลิซ ทรัสส์ พูดแทนเราทุกคนแล้ว และบอกว่าทั้งประเทศรู้สึกกังวลอย่างแท้จริง" พร้อมลงท้ายข้อความด้วยอีโมจิพินอคคิโอ
เนื่องจากปัจจุบันอังกฤษไม่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเหมือนประเทศไทย ประชาชนทั้งในและนอกสหราชอาณาจักรจึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษได้อย่างอิสระ รวมถึงมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถาบันกษัตริย์อยู่เป็นประจำ
สถาบันกษัตริย์อังกฤษท่ามกลางวิกฤติค่าครองชีพ
ที่ผ่านมา กลุ่มรีพับลิกรณรงค์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงให้สหราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยประเด็นหนึ่งที่กลุ่มพูดถึงคืองบประมาณจากภาษีประชาชนที่ถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อทำนุบำรงสถาบันกษัตริย์ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่สู้ดีนัก และยังอยู่ในภาวะ "วิกฤติค่าครองชีพ"
รายงานของสำนักข่าวต่างๆ เมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า สมาชิกราชวงศ์อังกฤษใช้เงินปีที่แล้ว (2564) กว่า 102.4 ล้านปอนด์ หรือ 4,300 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกที่งบประมาณเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษสูงเกิน 100 ล้านปอนด์ และมากกว่าปีก่อนหน้า (2563) กว่า 15 ล้านปอนด์
สาเหตุที่งบประมาณสูงขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงพระราชวังบักกิงแฮม ก่อนพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และหลังจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษก็เพิ่มสูงขึ้นจาก 1.3 ล้านปอนด์ในปี 2563 เป็น 4.5 ล้านปอนด์ในปี 2564
ขณะเดียวกัน "วิกฤติค่าครองชีพ" ในอังกฤษ ซึ่งเป็นผลมาจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ส่งผลให้ค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร และของใช้จำเป็นต่างๆ สูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในขณะนั้นระบุว่าทรงตระหนักถึงปัญหาเรื่องนี้เป็นอย่างดีในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ปลาย ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงเคท ได้ย้ายเข้าบ้านใหม่ที่สร้างในประสาทวินเซอร์ ชื่อว่าอะเดอเลคอทเทจ (Adelaide Cottage) เพื่อให้สามารถเดินทางเยี่ยมพระราชินีได้สะดวกยิ่งขึ้น กลุ่มรีพับบลิกวิจารณ์ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่ขณะที่ประชาชนกำลังลำบากถือเป็นการกระทำที่เสื่อมเสีย
โพลล์ของ YouGov ในเดือน มิ.ย. ระบุว่าความนิยมในสถาบันกษัตริย์ของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 62 เปอร์เซ็นต์ ลดน้อยลงกว่า 10 ปีก่อนถึง 11 เปอร์เซ็นต์ โดย 1 ใน 5 ต้องการให้สหราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐ น่าติดตามว่าหลังจากนี้สถาบันกษัตริย์ภายใต้การครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์จะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อไป
แปลและเรียบเรียงจาก
https://prachatai.com/journal/2021/11/95982
https://www.facebook.com/photo?fbid=632383941779362&set=a.595046602179763
https://www.itv.com/news/2022-06-01/poll-dramatic-decline-in-support-for-monarchy-in-decade-since-diamond-jubilee
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)