Skip to main content
sharethis

ส.ส.ก้าวไกล ยื่นสภาแก้กฎหมายแพ่ง จากผู้ปกครองมีสิทธิลงโทษบุตรได้ตามสมควร แก้เป็นห้ามลงโทษแบบทารุณ หลังมีข่าวเด็ก 2 ขวบ ถูกพ่อทำร้ายจนเสียชีวิตในเมืองสองแคว ชี้ไม่ได้จำกัดสิทธิห้ามลงโทษเด็กของผู้ปกครอง แต่เสนอให้มีการแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงบวก

 

1 ก.ย. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานวันนี้ (1 ก.ย.) ปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยภัสริน รามวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร และ พนิดา มงคลสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แถลงข่าวยื่นร่างแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) ต่อสภาผู้แทนราษฎร จากแต่เดิมที่กำหนดให้ผู้ปกครองมีสิทธิลงโทษบุตรได้ตามสมควร เปิดช่องให้เกิดการทำร้ายหรือการเฆี่ยนตี จนเกิดอันตรายต่อเด็ก แก้เป็นการจำกัดสิทธิในการลงโทษ ห้ามทารุณทำร้าย เฆี่ยนตี หรือทำโทษอันด้อยค่าบุตร หวังทำให้เด็กได้รับการปกป้องจากความรุนแรงและได้พัฒนาเต็มศักยภาพ

ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.ก้าวไกล (ซ้าย) ภัสริน รามวงศ์ (กลาง) และพนิดา มงคลสวัสดิ์ (ขวา) ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล 

"ร่างนี้เป็นความตั้งใจของณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้ยกร่างขึ้นหลังจากเห็นข่าวเด็กหญิงอายุ 2 ปี ถูกบิดาเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิต เหตุเกิดในจังหวัดพิษณุโลก แต่เนื่องจากนายณัฐวุฒิ อยู่ในระหว่างรักษาโรคโควิด ไม่สามารถมาแถลงข่าวด้วยตนเอง จึงได้มอบให้ตนเป็นผู้แถลงแทน และหากเราติดตามข่าว จะเห็นข่าวเด็กถูกบิดามารดาหรือผู้ปกครองทำร้ายด้วยความรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง โดยเข้าใจว่าพวกเขามีสิทธิจะลงโทษบุตร ดังที่ปรากฏใน ปพพ.ม.1567 (2) ปัจจุบันที่ว่าผู้ปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร สอดคล้องสุภาษิตในอดีตที่กล่าวว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่หลายครั้งวิธีการลงโทษจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกลับกลายเป็นการทารุณที่ส่งผลต่อร่างกายหรือจิตใจ เฆี่ยนตีอย่างไม่ยั้ง หรือทำให้เด็กรู้สึกตนเองด้อยค่า นำไปสู่การบาดเจ็บ เสียชีวิต และที่สำคัญส่งผลต่อการที่เด็กจะไปสร้างความรุนแรงต่อในระยะยาว" ปดิพัทธ์ ระบุ

โดยปรากฏว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เองก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และได้ยกร่างแก้ไข ปพพ. มาตรา 1567 (2) ไว้ในทำนองจำกัดสิทธิของผู้ปกครองในการลงโทษบุตร พร้อมทั้งได้ส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมร่วมพิจารณามาตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด ทางพรรคก้าวไกลจึงได้ยกร่างและรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน เข้าชื่อเสนอขอแก้ไข ปพพ.มาตรา 1567 (2) เปลี่ยนจากข้อความเดิมเป็น “ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควร แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษอื่นใดอันเป็นการด้อยค่า” เพื่อเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยหวังว่าสภาฯ จะเร่งการพิจารณาให้ทันในสมัยประชุมหน้า แสดงถึงความตั้งใจในการปกป้องเด็กทุกคนจากความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงในบ้าน

ภัสริน รามวงศ์ ยังได้แถลงเพิ่มเติมว่า "นอกจากจะเป็นการแก้ กม.เพื่อปกป้องเด็กแล้ว การแก้ กม.นี้ยังสอดคล้องกับหลักการในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และข้อเสนอแนะของนานาประเทศต่อไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review หรือ UPR รอบที่ 2 (พ.ศ. 2559 ถึง พ.ศ. 2563) ที่รัฐบาลไทยยอมรับว่าจะเร่งในการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว แต่ก็เนิ่นช้าเกินกรอบเวลามากว่า 2 ปีแล้ว ไม่เหมือนกับกรณีการปรับแก้กฎหมายอาญา เรื่องปรับเกณฑ์อายุความรับผิด จาก 10 ปี เป็น 12 ปี ที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการไปก่อนหน้านี้ การแก้กฎหมายเพียงมาตราเดียวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่มากกว่า และหากมีการแก้ ปพพ.ม. 1567 (2) ได้จริง เราเองก็จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากขึ้นในด้านสิทธิมนุษยชน"

ทั้งนี้ การยื่นแก้ไขกฎหมายแพ่งในครั้งนี้มิได้กำหนดว่าจะห้ามมิให้ผู้ปกครองลงโทษบุตรอย่างเด็ดขาด แต่จะเป็นการสร้างความตระหนักรับรู้ใหม่ว่าการที่เด็กอาจกระทำความผิด หรือมีพฤติกรรมที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องว่ากล่าวสั่งสอนนั้น มีวิธีการที่จะแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้อย่างหลากหลาย ทั้งการเสริมวินัยเชิงบวก การให้คำปรึกษาอย่างรับฟังและเข้าใจ การทำให้เด็กเห็นพฤติกรรมตัวอย่างที่ดีจากผู้อื่นโดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ โดยจะต้องเข้าใจต่อพัฒนาการและปัญหาของเด็กเป็นรายบุคคล ซึ่งภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ถือเป็นหน้าที่ของหลายหน่วยงานที่จะต้องช่วยกันทำความเข้าใจและส่งเสริมให้ผู้ปกครองทำหน้าที่ในการดูแลเด็กได้อย่างเหมาะสม

"เราตระหนักถึงความยากลำบากของผู้ปกครองที่จะจัดการเวลาที่เด็กๆ มีปัญหาพฤติกรรม แต่หากไม่มีการจำกัดสิทธิในการทำโทษนั้น จะเกิดผลร้ายทั้งต่อเด็กและสังคมมากกว่า การแก้ไขเฉพาะ ปพพ.มาตราเดียว มิได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาทั้งหมด และยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ทั้งการรณรงค์ การสร้างวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม ระบบที่เอื้อและสนับสนุนผู้ปกครอง แต่สำหรับ “เด็ก” แล้ว เรื่องของเขาเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ และเราได้ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นนานเกินไปแล้ว พรรคก้าวไกลจึงหวังปักหมุดหมายและสร้างความเปลี่ยนแปลง" ปดิพัทธ์ กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net