สวนดุสิตโพล สำรวจออนไลน์ 1,383 คน ส่วนใหญ่ 47.27% ไม่ค่อยเชื่อมั่นการแก้ปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล 34.93% ระบุสามารถแบกรับภาระราคาสินค้าแพงไปได้อีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น
30 ม.ค. 2565 ปัญหาสินค้าต่าง ๆ ขึ้นราคา เป็นปัญหาที่กระทบต่อปากท้องของประชาชนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไข่ไก่ อาหารต่าง ๆ ล้วนขึ้นราคาจนกระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพื่อสะท้อนความคิดเห็น ของประชาชน “สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,383 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 24-27 ม.ค. 2565 สรุปผลได้ ดังนี้
1. สินค้าที่จำเป็น ณ วันนี้ ที่ประชาชนพบเห็นหรือซื้อแพงกว่าปกติมีอะไรบ้าง
อันดับ 1 | เนื้อหมู | 92.75% |
อันดับ 2 | ข้าวแกง กับข้าวถุง อาหารตามสั่ง | 72.44% |
อันดับ 3 | ไข่ไก่ ไข่เป็ด | 71.79% |
อันดับ 4 | น้ำมันพืช | 57.07% |
อันดับ 5 | เนื้อไก่ | 56.13% |
2. ประชาชนคิดว่าสาเหตุใดที่ทำให้สินค้าแพง
อันดับ 1 | โรคระบาดในสัตว์ | 65.02% |
อันดับ 2 | มีการกักตุนและปั่นราคาสินค้า | 64.22% |
อันดับ 3 | พ่อค้า นายทุน ฉวยโอกาสขึ้นราคา | 63.13% |
3. ตัวประชาชนเองแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างไร
อันดับ 1 | ควบคุมการใช้จ่าย/ประหยัด/ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น | 77.20% |
อันดับ 2 | ใช้สินค้าชนิดนั้นลดลง/ใช้ให้น้อยลง/ลดปริมาณการใช้ | 66.67% |
อันดับ 3 | เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นแทนที่ยังไม่ขึ้นราคา | 57.37% |
4. ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างไร
อันดับ 1 | พูดความจริง ไม่ปิดบังข้อมูล | 58.99% |
อันดับ 2 | ตรึงราคา ควบคุมราคาสินค้า | 58.27% |
อันดับ 3 | ลดภาษีน้ำมัน | 52.15% |
5. ประชาชนคิดว่าใครหรือหน่วยงานใด ควรเข้ามาแก้ปัญหาสินค้าแพง
อันดับ 1 | กระทรวงพาณิชย์ | 79.60% |
อันดับ 2 | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | 57.88% |
อันดับ 3 | นายกรัฐมนตรี | 55.82% |
6. ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาลในระดับใด
ไม่ค่อยเชื่อมั่น 47.27% ไม่เชื่อมั่น 35.42% ค่อนข้างเชื่อมั่น 15.27% เชื่อมั่นมาก 2.04%
7. โดยภาพรวม ประชาชนสามารถแบกรับภาระราคาสินค้าแพงไปได้อีกเท่าใด
ไม่เกิน 3 เดือน 34.93% ไม่เกิน 6 เดือน 28.53% ไม่เกิน 1 เดือน 18.56% มากกว่า 6 เดือน 17.98%
นางสาวพรพรรณ บัวทองนักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าสถานการณ์สินค้าแพงกระทบกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ หรือว่างงาน กลุ่มนี้ไม่สามารถจะแบกรับภาระของแพงได้นานมากนัก เพราะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินและการเดินทางสูงเกินกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ต่อวัน ภาครัฐนอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ควรเร่งวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือประชาชน และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลด้วย
ดร.วิทยา ศิริพันธ์วัฒนา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกรรมการบริหารหลักสูตรธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปัญหาโรคระบาดในสุกรในหลายประเทศ ประกอบกับผู้เลี้ยงหมูรายย่อยลดลงทำให้อุปทานของเนื้อหมูลดลง ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาอาหารสูงขึ้น นอกจากนี้อุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ราคาน้ำมันในตลาดโลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ปัญหาเงินเฟ้อจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนกลุ่มที่รายได้น้อยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง เห็นได้จากกลุ่มตัวอย่าง 53% ไม่สามารถแบกรับภาระได้เกิน 3 เดือน ดังนั้น นอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐที่ต้องเพิ่มการผลิต ป้องกันการกักตุนสินค้า ชะลอการส่งออกและเพิ่มการนำเข้าแล้ว ประชาชนทั่วไปอาจทำบัญชีรายจ่ายวิเคราะห์ตัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ราคาไม่สูงนัก และจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยบรรเทารายได้ไม่พอรายจ่ายในช่วงนี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)