Skip to main content
sharethis

เครือข่าย saveนาบอน อ่านแถลงการณ์ปักหลักชุมนุมหน้า สตช. ต่อเนื่อง จนกว่า รอง ผบ.ตร. จะยอมมาคุยกับชาวบ้าน และยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ อ.นาบอน ลั่นเตรียมยกระดับการชุมนุม

นายวิชัย รัตนานก ตัวแทนเครือข่าย saveนาบอน (จากไลฟ์สด กะเทย แม่ลูกอ่อน)

สืบเนื่องจากวันนี้ (16 ธ.ค.) ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เครือข่าย saveนาบอน เดินทางจากบ้านเกิดกว่า 800 กม. มายื่นหนังสือขอพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) (ACE) เพื่อให้ลงมาเจรจากับชาวบ้าน ยุติการก่อสร้างโรงงานชีวมวล จำนวน 2 โรง กำลังผลิตโรงละ 25 เมกะวัตต์ ภายใน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมยืนยันจะปักหลักชุมนุมหน้า สตช.ต่อเนื่อง จนกว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากการเจรจากับ รอง ผบ.ตร.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

saveนาบอน ยื่นหนังสือถึง รอง ผบ.ตร. ยุติการสร้างโรงงานชีวมวลในพื้นที่

ก่อนหน้านี้เมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา เครือข่าย saveนาบอน เคยมายื่นหนังสือที่ สตช. และปักหลักชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างโรงงานชีวมวลที่สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่จากปากคำของชาวบ้านนั้น ปรากฏว่าเรื่องยังไม่มีความคืบหน้า ซ้ำยังมีการดำเนินการปรับพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ต่อไปทั้งที่ยังไม่มีใบอนุญาตก่อสร้าง

เครือข่าย saveนาบอน ซึ่งปักหลักชุมนุมมาตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งเมื่อเวลา 18.30 น. นายวิชัย รัตนานก ตัวแทนเครือข่าย saveนาบอน ขึ้นอ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า ชาวบ้านเดินทางไกล เพื่อมาพบกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา เพื่อเจรจาให้ยุติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้พบ ทางเครือข่ายฯ จึงยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ไปยัง รอง ผบ.ตร. ได้แก่ 1) พล.ต.อ.วิระชัย ต้องมาเจรจากับชาวบ้านนาบอน 2) ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล และ 3) หาก พล.ต.อ.วิระชัย ไม่มาเจรจากับชาวบ้าน เครือข่าย saveนาบอน จะปักหลักบริเวณหน้า สตช. ต่อไป

ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวด้วยว่า หาก รอง ผบ.ตร.ยังไม่ยอมมาพบชาวบ้าน อ.นาบอน จะยกระดับการชุมนุม

หลังจากอ่านแถลงการณ์ ได้มีตัวแทนเครือข่ายฯ ผลัดกันปราศรัยถึงปัญหาจากการพยายามก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงไครียะห์ ระหมันยะ หรือลูกสาวแห่งทะเลจะนะ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล คัดค้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา และ 'น้ำนิ่ง' อภิศักดิ์ ทัศนี ผู้ประสานงานกลุ่ม Beach for Life ก็มาร่วมปราศรัยให้กำลังใจเครือข่าย saveนาบอน 

ไครียะห์ ระหมันยะ จากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กล่าวว่า เหตุผลที่เธอต้องมาร่วมปราศรัยให้กำลังใจเครือข่าย saveนาบอนนั้น เพราะปัญหาที่คุกคามทั้งใน อ.จะนะ และ อ.นาบอน คือโครงสร้างทางการเมืองเดียวกัน คนกลุ่มเดียวกันซึ่งอยู่ที่ กทม. และเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตปากท้องของชาวบ้านเหมือนกัน 

ไครียะห์ กล่าวต่อว่า ทำไมผู้นำในประเทศไทยถึงเป็นตัวถ่วงในการพัฒนาตามแบบฉบับของประชาชน ทำไมไม่ให้พวกเขาออกแบบการพัฒนาบ้านด้วยตัวของเขาเอง พวกเขาคือเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ และผลกระทบที่รัฐสร้างเกิดขึ้นไม่ได้เฉพาะที่อยู่ในพื้นที่ แต่มันส่งผลเป็นห่วงโซ่ เหตผุลที่พี่น้องนาบอนต้องมาก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับชาวจะนะ หากพัฒนาตามแนวทางที่รัฐกำหนด ทรัพยากรในพื้นที่ภาคใต้จะหายไปอย่างที่ชดเชยได้ยาก

ไครียะห์ ฝากข้อความถึงคน กทม. ว่า อยากบอกว่า มันเกิดผลกระทบอะไรต่อประชาชนภาคใต้บ้าง และอยากให้ชาว กทม. ส่งเสียงสนับสนุนให้ประชาชนภาคใต้ทุกคน ขอคน กทม.อย่าเพิ่งรำคาญที่ชาวนาบอนมาเรียกร้องที่นี่ ทั้งนี้ เธอบอกด้วยว่า ชาวนาบอน ไม่ได้โดดเดี่ยว ยังมีประชาชนอีกมากมายเอาใจช่วย และชมผ่านไลฟ์สดอยู่

ไครียะห์ ระหมันยะ จากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น (ภาพจากไลฟ์สด The Reporters)

'น้ำนิ่ง' อภิศักดิ์ ทัศนี จากกลุ่ม Beach for Life ร่วมปราศรัย ระบุว่า เขาทำงานรณรงค์เรื่องชายหาดในพื้นที่ภาคใต้ อาทิ หาดม่วงงาม ซึ่งกำลังเผชิญการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นโดยหน่วยงานรัฐ อย่างกรมเจ้าท่า และกรมโยธาธิการ ซึ่งการสร้างกำแพงกันคลื่นนี้จะเปลี่ยนพื้นที่ชายหาด จากหาดทรายให้กลายแท่งคอนกรีต และกองหินขนาดใหญ่ และการก่อสร้างนี้ เป็นการก่อสร้างโดยไม่ต้องทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ปัญหานาบอน และหาดทราย เป็นเรื่องเดียวกัน ถูกกระทำจากโครงสร้างเดียวกัน จากอำนาจของทุน ขุนศึก ศักดินา ที่เอื้อให้เกิดการละเมิดสิทธิ และทำลายทรัพยากรของชุมชน นี่คือการยัดเยียดการพัฒนาที่ไม่เป็นธรรมให้แก่พี่น้องประชาชน เขามองว่า ความไม่เป็นธรรมไม่ใช่เรื่องเฉพาะพื้นที่ แต่พี่น้องในเมืองหลวงก็สามารถร่วมสู้ได้ด้วย

พร้อมกันนี้ น้ำนิ่ง เรียกร้องไปยังประชาชนเมืองหลวง ผู้รักความเป็นธรรม และรักประชาธิปไตย ออกมาร่วมเรียกร้องกับชาวนาบอน เพราะการพัฒนาโครงการในพื้นที่ชุมชนโดยไม่เห็นหัวชาวบ้าน นี่เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ 

นอกจากนี้ เขาสื่อสารไปยังประชาชนที่ติดตามเรื่องปัญหาชายหาด ร่วมให้กำลังใจ และเป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวนาบอนด้วย  

น้ำนิ่ง มองว่า มันหมดยุคสมัยของการพัฒนาที่ต้องบอกว่า คนส่วนน้อยต้องเสียสละ ยุคสมัยนี้มันหมดไปแล้ว การพัฒนาใดๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องเห็นประชาชน เห็นทรัพยากร เห็นคุณค่าของความเป็นคนเท่ากัน 

"ที่นี่พี่น้องนาบอนมานั่ง เราก็เป็นกำลังใจให้ และอยากฝากไปถึงพี่น้องกรุงเทพฯ ว่า ช่วยกันเป็นปากเป็นเสียงในเรื่องนี้ นาบอน เป็นผลพวงที่รัฐ ทุน ศักดินา กดทับชาวบ้านอย่างชัดเจนที่สุด และกำลังจะเปลี่ยนวิถีชุมชนที่งดงาม ให้กลายเป็นมลพิษ และหายนะของชุมชน" สมาชิก Beach for Life ทิ้งท้าย

'น้ำนิ่ง' อภิศักดิ์ ทัศนี จากกลุ่ม Beach for Life (ภาพจากไลฟ์สด The Reporters)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net