Skip to main content
sharethis

14 ธ.ค. 2564 ข่าวหลายสำนักรายงานว่า ร.ต.ฉลาด วรฉัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด และกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เป็นที่รู้จักจากการอดอาหารประท้วง เสียชีวิตในวัย 78 ปี ภายในบ้านพักการเคหะท่าทราย เขตทุ่งสองห้อง กรุงเทพมหานคร

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า ครอบครัวระบุสาเหตุการเสียชีวิตของ ร.ต.ฉลาด ว่า เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน เบื้องต้นครอบครัว จะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ต่อไป

อ่านเรื่องเกี่ยวกับฉลาด วรฉัตร

ทั้งนี้ ฉลาด วรฉัตร เป็นอดีตนักเรียนทุนกองทัพอากาศ ปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกลที่ประเทศฟิลิปปินส์ เริ่มเส้นทางทางการเมืองครั้งแรกเมื่อปี 2509 โดยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ตราด และกรุงเทพมหานคร  อดีตกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฎร  กรรมาธิการปกครองสภาผู้แทนราษฎร ประธานที่ปรึกษากรรมาธิการปกครองสภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษารัฐมนตรีอุตสาหกรรม

ฉลาดเริ่มอดข้าวประท้วงรัฐบาลและเพื่อนสมาชิกสภาฯ ครั้งแรกเมื่อปี 2523 เป็นเวลา 2 วัน จนหมดสติ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ เปิดประชุมสภาวิสามัญ เพื่อชี้แจงเหตุผลในการกักตุนน้ำมันส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน ผลตามมาก็คือ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี

หลังจากที่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2523 สภาผู้แทนราษฎรได้เลือกพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดมา

ในสมัย พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2526  ฉลาดอดอาหารประท้วงเป็นเวลา 9 วันเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมที่ให้ข้าราชการประจำสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉลาดเชื่อว่าในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้น นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้ง การกระทำของเขาครั้งนี้ส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ผ่านสภา และ พล.อ.เปรม ประกาศยุบสภา

ปี 2531 ฉลาด ได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. แต่เป็นได้เพียง 6 เดือนก็ต้องลาออก เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์หนุนให้ พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ฉลาดร่วมกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เคลื่อนไหวคัดค้านให้ต้องมีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง กระทั่ง พล.อ.เปรม ประกาศจะไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ชาติชาย ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งแทน

เดือน ก.พ. 2534 เกิดการรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงศ์, พล.อ.สุจินดา คราประยูร หลังประชาชนเรียกร้องให้ทหารจัดการเลือกตั้ง คณะรัฐประหารสัญญาว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2535 พล.อ.สุจินดา เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฉลาดเป็นคนแรกที่ประกาศอดข้าวประท้วงบริเวณหน้ารัฐสภาเพื่อประท้วงรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภา 2535 ในที่สุด 

หลัง พล.อ. สุจินดา คราประยูร ลงจากตำแหน่ง และชวน หลีกภัย ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2537 ก็ยังไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลจะปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหาร ฉลาดจึงอดข้าวประท้วงอีกครั้งเป็นเวลา 49 วัน อย่างไรก็ตาม ด้วยสุขภาพที่ทรุดลงอย่างมาก และชวนไม่มีท่าทีจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น ถึงกับขอร้องให้ฉลาดเลิกการอดอาหาร และไปบวชที่วัดบวรนิเวชวิหาร

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) ที่ผลักดันโดยมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดย คพป. ผลิตข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปการเมืองและนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญในเวลาต่อมา แต่คณะกรรมการดังกล่าวถูกมองว่าตั้งขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิทางการเมืองและให้ฉลาดยุติการอดอาหาร

ฉลาดกลับมาอีกครั้งหลังรัฐประหาร 2549 เพื่อประท้วงการยึดอำนาจของทหารและการรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยการขังตัวเองอยู่ในกรงหน้ารัฐสภา เพราะเขามองว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็น “ฉบับกบฏ” ซึ่งมาจากการยึดอำนาจของกองทัพ 

จากนั้นไม่นาน ฉลาดได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คมช.- ครม.- คตส. - ปปช. - สนช.ในปี  2550 รวมจำเลยทั้งหมด 308 คน ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดที่ร้ายแรงด้วยการทำรัฐประหาร หรือยึดอำนาจมาโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 113, 83, และ 86  โดยใช้เวลาไปกว่า 3 ปี และค่าใช้จ่ายกว่าสามแสนบาท แต่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง และศาลฎีกาให้ตัดสินตามศาลชั้นต้น ทำให้คดีนี้สิ้นสุดลง

ปี 2557 ฉลาดฟ้องคณะรัฐประหารว่าเป็นกบฏพร้อมอดอาหารอีกครั้ง การอดอาหารเริ่มตั้งแต่ 23 พ.ค. 2557 ที่หน้ารัฐสภา ก่อนฉลาดจะเดินทางมายื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ คสช. รวม 7 คน ปลัดกระทรวง 20 คน และเจ้ากรมพระธรรมนูญ 1 คน รวม 28 คน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อ 10 มิ.ย. 2557 ในฐานความผิดข้อหากบฏและหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 113, 83, และ 86 แต่ศาลยกฟ้องโดยให้เหตุผลว่า ฉลาดไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net