ประชุม กมธ.วิสามัญ พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย ครั้งที่ 3-4 พบการพิจารณารายมาตราล่าช้า รายละเอียดบทนิยามยังมีความเห็
20 ต.ค. 2564 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมทั้งสองวันกลั
ขณะที่ร่างของรัฐบาลไม่กำหนดนิ
การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ตลอดการประชุมทั้ง 4 ครั้ง ยังไม่ได้ข้อสรุปในรายมาตรา แม้ว่าเสียงของ กมธ. ส่วนใหญ่จะเสนอให้
ทั้งนี้ การประชุม กมธ. ครั้งถั
'รังสิมันต์ โรม' เสนอแก้คำนิยามให้ทัดเทียมกับอนุสัญญาระดับสากล
วานนี้ (19 ต.ค. 2564) รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล หนึ่งใน กมธ. พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ระบุว่าตนได้ให้ความเห็นต่อที่ประชุมว่าคำว่า 'มนุษยธรรม' หรือ 'ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์' ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ย่อมมีการศึกษาค้นความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้วพอสมควรที่จะให้หยิบยกขึ้นมาใช้ตีความกันได้ ในขณะที่ในความเป็นจริงนั้น เราก็ได้พบกับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เห็นได้ว่าการกระทำอันโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้นมีอยู่จริง เช่น การคุมขังในที่มืดไม่ให้รู้วันคืน การคุมขังในสถานที่สกปรกไม่ถูกสุขลักษณะ เช่นนี้แล้วจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดฐานความผิดดังกล่าวเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และหากจะยังมีส่วนที่จะต้องตีความก็ต้องเป็นหน้าที่ของศาล ซึ่งในอนาคตเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาบรรทัดฐานออกมาแล้วก็จะช่วยให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ กมธ. ได้เสนอให้นำบทบัญญัติในร่างฉบับ กมธ. ที่กำหนดหากมีข้อขัดแย้งกับกฎหมายฉบับอื่นๆ ให้ยึดตามที่บัญญัติไว้ในร่าง พ.ร.บ.นี้เป็นสำคัญ (เว้นแต่บทบัญญัติในกฎหมายฉบับอื่นให้การคุมครองบุคคลได้มากกว่า) ซึ่งตัวแทนกฤษฎีกาได้แสดงข้อกังวลว่าหากกำหนดไว้อาจเกิดปัญหาในทางกฎหมาย
ในประเด็นนี้ รังสิมันต์ได้ให้ความเห็นว่าการที่ต้องกำหนดไว้เช่นนี้ก็เนื่องจากเราต้องการให้กฎหมายนี้เป็นมาตรฐานใหม่ของการคุ้มครองชีวิตและร่างกายของประชาชน ดังนั้นจะให้มีกฎหมายอื่นใดมาเปิดช่องยกเว้นเพื่อที่จะไม่ถือปฏิบัติตามร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่ได้ เช่น การยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, กฎอัยการศึก หรือการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งตนรับฟังได้หากทางกฤษฎีกาจะเห็นว่าถ้อยคำยังไม่รัดกุมพอ ก็แก้ไขในจุดเหล่านั้นไป แต่หากไม่มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้เลย ผมเกรงว่าที่อุตส่าห์ยกร่าง พ.ร.บ. นี้ขึ้นมา สุดท้ายเมื่ออยู่ต่อหน้า 'กฎหมายพิเศษ' เหล่านั้นแล้วก็จะกลายเป็นเปล่าประโยชน์ และขอให้ กมธ. ช่วยกันหาและแก้ไขจุดอ่อนข้อด้อยของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยไม่ลืมว่าเป้าหมายใหญ่ของการร่างกฎหมายฉบับนี้คือเพื่อสร้างมาตรฐานในการพิทักษ์สิทธิของประชาชนให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล หรือสูงยิ่งไปกว่านั้นได้ยิ่งดี
นอกจากนี้ ในวันนี้ (20 ต.ค. 2564) รังสิมันต์ยังระบุว่าตนได้เสนอเรื่องการแก้ไขการกำหนดองค์ประกอบความผิดฐานทรมาน ส่วนที่เป็นเรื่องเจตนา 'เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม' (ตามร่างฉบับ ครม.) โดยขอให้แก้เป็น 'การเลือกปฏิบัติไม่ว่ารูปแบบใด' เนื่องการการเขียนตามร่างฉบับ ครม. นั้นอาจก่อให้เกิดความสับสนในการตีความ ซึ่งรังสิมันต์เห็นว่าการเขียนตามที่ตนเสนอนั้นสอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้มีการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอให้แก้ไขหรือไม่
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)