Skip to main content
sharethis

ศาลธนบุรีไม่ถอนประกัน “ตี้ วรรณวลี” หลังแจงศาลว่าที่ตนพูดถึงใส่เหลืองไปถวายตัวจะไม่โดนคดีแค่เปรียบเปรยกับคนเสื้อเหลืองที่โหนสถาบันกษัตริย์ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย นอกจากนั้นตำรวจยังถอดเทปปราศรัยมาอ้างว่าเธอพูด “ที่มึงเย็ดเด็ก 14” พาดพิงถึงบุคคลอื่นทั้งที่เธอยืนยันว่าพูด “ที่ยัดเด็ก 14” ตี้เห็นว่าตำรวจจงใจทำให้เธอถูกกล่าวหา

แฟ้มภาพ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ย. 64) เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาธนบุรี มีนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีมาตรา 112 ของ 2 นักกิจกรรม “จัสติน” ชูเกียรติ แสงวงค์ และ “ตี้ พะเยา” วรรณวลี ธรรมสัตยา จากการปราศรัยในการชุมนุมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2563 หรือ #ม็อบ6ธันวา นอกจากนั้นศาลยังมีการไต่สวนกรณีอัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนประกันวรรณวลีอีกด้วย

อัยการอ้างเหตุผลที่ขอให้ศาลถอนประกันวรรณวลีว่า เธอปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในการชุมนุม “ราษฎรยืนยันดันเพดาน” เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2564 ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน

ทนายความได้ยื่นคำให้การของ ชูเกียรติ (จำเลยที่ 1) และวรรณวลี (จำเลยที่ 2) โดยทั้งสองคนให้การปฏิเสธ และแถลงแนวทางการต่อสู้คดีว่า สิ่งที่พวกเขาปราศรัยนั้นไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ ด้านโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยาน และแถลงขอสืบพยานบุคคลทั้งหมด 11 ปาก ขณะที่ทนายจำเลยแถลงขอนำสืบพยานบุคคลทั้งหมด 6 ปาก โดยศาลได้กำหนดให้สืบพยานโจทก์ทั้งหมด 3 นัด และสืบพยานจำเลย 2 นัด นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 8-10 กพ และนัดสืบจำเลยวันที่ 18 และ 22 กพ 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

หลังเสร็จกระบวนการสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน ศาลได้เริ่มไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนประกันวรรณวลีต่อ

ทนายจำเลยแถลงว่า วรรณวลีได้ปราศรัยในการชุมนุม “ราษฎรยืนยันดันเพดาน” จริง แต่คำถอดเทปคำปราศรัยของวรรณวลีที่พนักงานสอบสวนได้นำมายื่นประกอบคำร้องนั้นมีข้อความบางส่วนไม่ถูกต้อง เช่น “ที่มึงเย็ดเด็กอายุ 14” แต่ความเป็นจริงแล้ววรรณวลีพูดว่า “ยัดเด็กอายุ 14” เท่านั้น นอกจากนี้ วรรณวลียังเผยอีกว่า ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น

ด้านโจทก์ได้แถลงว่าที่ยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกันตัววรรณวลีต่อศาลนั้น เป็นเพราะพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ได้มีหนังสือถึงพนักงานอัยการ โดยในวันนี้ ร.ต.อ. วสันต์ดิลก คำโสภา รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บุปผาราม ได้เดินทางมาศาลเพื่อให้ปากคำด้วย

ร.ต.อ.วสันต์ดิลก เบิกความว่า ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มีหนังสือถึงอัยการขอให้ยื่นคำร้องขอถอนประกันวรรณวลีต่อศาล สำหรับบันทึกการถอดเทปคำปราศรัยของวรรณวลีนั้นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ถอดเทป และ ร.ต.อ.วสันต์ดิลก ไม่ได้ไปสังเกตการณ์การชุมนุมในวันดังกล่าว และหลังจากการชุมนุมวันที่ 24 มิ.ย. ก็ไม่ทราบว่า วรรณวลีได้เข้าร่วมการชุมนุมที่ใดอีก

ด้านวรรณวลีเบิกความตอบศาลว่า ตนได้ปราศรัยตามข้อความในบันทึกถอดเทปว่า “แล้วหนูใส่เสื้อเหลืองแล้วเดินไปถวายตัวเองกับกษัตริย์ หนูก็จะไม่โดนคดี” จริง แต่ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองเท่านั้น

ทั้งนี้ วรรณวลีได้รับต่อศาลว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่กล่าวถ้อยคำหรือกระทำการใด อันเป็นลักษณะดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อีก

ต่อมา เวลาประมาณ 14.00 น. ศาลมีคำสั่งไม่เพิกถอนประกัน ระบุเหตุผลว่าศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏว่าวรรณวลีได้กระทำผิดเงื่อนไขของสัญญาประกันซ้ำอีก เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และให้โอกาสวรรณวลีต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ศาลจึงได้กล่าวตักเตือนให้วรรณวลีปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด

จากคำสั่งไม่เพิกถอนประกัน ทำให้วรรณวลียังคงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี

วรรณวลีให้สัมภาษณ์กับศูนย์ทนายความฯ หลังการพิจารณาคดีว่า ศาลเห็นว่าข้อความ ‘แล้วหนูใส่เสื้อเหลืองแล้วเดินไปถวายตัวเองกับกษัตริย์ หนูก็จะไม่โดนคดี’ ประโยคนี้เข้าข่ายหมิ่นประมาทนะแต่เธอยืนยันกับศาลว่าประโยคนี้เธอพูดถึงกลุ่มคนเสื้อเหลืองเป็นการเปรียบเทียบถึงกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่เขารักสถาบันกษัตริย์หรือโหนสถาบันกษัตริย์ ทำให้สถาบันดูแย่ลงไม่ได้บอกว่ากษัตริย์ใส่เสื้อเหลือง ซึ่งศาลก็รับฟังและพิจารณา นอกจากนั้นเธอยังแสดงความเห็นต่อการยื่นขอถอนประกันครั้งนี้ว่าเนื้อหาที่ตำรวจถอดเทปคำปราศรัยมาผิดจากที่เธอพูดจริงๆ เพื่อเอามากล่าวหาเธอ

“จริงๆ แล้วคำปราศรัยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถอดเทปมามีส่วนที่ผิดเยอะมาก บางส่วนที่ถอดผิดเหมือนทำให้เราถูกกล่าวหาว่า นอกจากหมิ่นกษัตริย์แล้ว ยังไปกล่าวหาว่าไปว่าคนอื่นด้วย เช่น ตอนปราศรัยเราพูดถึง แน่งน้อย อัศวกิตติกร ที่แจ้งความเด็กอายุ 14 ปี แต่เจ้าหน้าที่ถอดเทปเป็นคำที่แปลว่ามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเราไม่พูดคำนี้ในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ”

ทั้งนี้ศูนย์ทนายความฯ ระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่านอกจากคู่ความแล้ว ผู้ร่วมมาให้กำลังใจ เดินทางมาถึง ขณะที่ในวันนี้มีตัวแทนจากสถานทูตสวีเดนเดินทางมาสังเกตการณ์การไต่สวนด้วย แต่เจ้าหน้าที่หน้าศาลอนุญาตให้เพียงคู่ความเข้าห้องพิจารณาคดีเท่านั้น ทำให้ตัวแทนสถานทูตไม่สามารถเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net