ประมวลภาพและสถานการณ์ #ม็อบ19สิงหา ไล่ล่าทรราช นัดรวมตัวโดยกลุ่มทะลุฟ้า ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 16.00-19.00 น. ทีมทะลุฟ้าเอาผ้าดำคลุมพานแว่นฟ้าตอกย้ำความมืดมนของ ปชต. ด้าน คฝ.คอยเฝ้าระวัง-เบรกจุดไฟ ไม่มีปะทะ 

19 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานวันนี้ ระบุว่า เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลานัดรวมตัวทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ม็อบ19สิงหา ไล่ล่าทรราช นำโดยทะลุฟ้า บรรยากาศการทำกิจกรรมเริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่อนุสาวรีย์ฯ 

เวลา 16.02 น. พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การผูกผ้าและกางผ้าขวางที่อนุสาวรีย์ยังอนุญาตให้ทำได้ แต่ตกลงกันไว้ว่าจะต้องให้รถยังสัญจรได้อย่างน้อย 2 เลน ไม่ให้เป็นแบบเมื่อวาน (18 ส.ค.) วันนี้คงไม่ให้เผา สื่อถามว่าถ้ามีผู้ชุมนุมลงถนนมาแบบเมื่อวานจะทำอย่างไร อรรถวิทย์ ตอบสื่อว่า จะเจรจาก่อน ถ้าเกินเลยถึงจะใช้กำลัง

เวลา 16.05 น. ผู้ชุมนึงขึงป้ายผ้า "ทรราชในคราบ(คนดี)” บนยอดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เมื่อเวลา 16.54 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มทะลุฟ้า มีการนำผ้าดำขึ้นคลุมพานแว่นฟ้า ส่วนยอดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และมีการนำป้ายไวนิลมาวางให้ประชาชนเขียนข้อความถึงรัฐบาล

ทั้งนี้ กลุ่มทะลุฟ้า ชี้แจงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นี้บนหน้าเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ “ทะลุฟ้า - thalufah” ระบุว่า การคลุมผ้าดำ เพื่อตอกย้ำความมืดมนของประชาธิปไตย ที่ไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะพวกทรราชในคราบคนดี 

กลุ่มทะลุฟ้า กล่าวถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทย ระบุว่า นับตั้งแต่คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงประเทศมาสู่ประชาธิปไตย แต่ผ่านมากว่า 80 ปี ชนชั้นนำฝ่ายขวากลับไม่เคยยอมให้ประชาธิปไตยลงหลักปักฐานในไทยได้เลย 

พร้อมกันนี้ ทะลุฟ้า หยิบยกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลายช่วงเหตุการณ์ที่พอประชาธิปไตยเบ่งบาน ก็นำมาสู่การขัดขวางของฝ่ายขวา เช่น การใส่ร้ายปรีดี พนมยงค์ จนนำมาสู่การลี้ภัย การกดปราบพลังประชาชนและนักศึกษาเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 และล่าสุด คือการรัฐประหารโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

“การลงหลักปักฐานของประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้นสิ้นหวังเต็มที อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่เรามีอยู่คงเป็นได้เพียงสัญลักษณ์ที่ทำให้เราระลึกนึกถึงประชาธิปไตยที่คนไทยไม่มีวันได้สัมผัสก็เท่านั้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วเราหาอะไรบังไว้ไม่ให้เห็นน่าจะทำให้พวกเราเจ็บปวดใจน้อยกว่านี้” โพสต์ข้อความทิ้งท้าย 

หลังจากนั้น ตัวแทนประชาชน และทีมทะลุฟ้า ผลัดกันขึ้นมาปราศรัยที่หน้าเวที วิพากษ์การดำเนินงานของรัฐบาล มีกิจกรรมตะโกนทะลุฟ้าที่ให้มวลชนจับไมค์ระบายความในใจ ขณะที่บนพื้นถนนบริเวณรอบๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีการขีดเขียนด้วยสีชอล์กต่างๆ วิจารณ์การทำงานของรัฐ และหน้าเวทีปราศรัย มีกองฟาง และรูปภาพคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล และ 250 ส.ว.ปักไว้บนกองฟางอีกที  

เวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเคารพธงชาติ ประชาชนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยชูสามนิ้วเคารพธงชาติ ก่อนยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก่อนที่ต่อมา สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้าแสดงดนตรี และร้องเพลง ‘ไม่มีคนบนฟ้า’ ของวง t_047

สำนักข่าวมติชน รายงานว่า กระทั่งเวลา 18.31 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) มายังวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หน้าเมธาวลัย ศรแดง โดยมีรถฉีดน้ำจีโน่ และรถควบคุมผู้ต้องหา ตามท้ายมาด้วย ด้านสมาชิกทะลุฟ้า เดินมาขอความร่วมมือผู้ชุมนุมว่า ไม่มีอะไรตรงนี้ ให้กลับไปหน้าเวที 

เวลา 18.40 พล.ต.ต. อถรรถวิทย์ สายสืบ แจ้งผู้สื่อข่าวในพื้นที่หลังมีการนำเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน และรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ เข้ามาในพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระบุว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมถ้าไม่มีการแสดงออกด้วยการใช้ไฟเผาสิ่งของ และถ้ายุติการชุมนุมตามเวลา ตนได้เจรจากับแกนนำแล้ว ส่วนรถจีโน่นำเข้ามาตามยุทธวิธี

“รบกวนสื่อไปบอกน้องๆ เขาด้วยนะครับ อย่างน้อยตำรวจต้องรักษากฎหมาย ต้องรักษาความเรียบร้อย มาโดยสงบเราทำได้ ผมอยากให้ตรงนี้เป็นตัวอย่างว่าทำได้ อย่าทำให้เหมือนที่ดินแดง มาโดยสงบมาเรียกร้องใดๆก็ได้ แต่ต้องไม่มีการปะทะ ไม่มีการใช้กำลัง และอย่าให้มีการเผาใดๆ ทั้งสิ้น” อถรรถวิทย์ กล่าว 

เจ้าหน้าที่เจรจากับแกนนำว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบไปยืนคุมระหว่างเผา และถ้าเผาเกิน 1 นาที ตำรวจจะใช้เครื่องดับเพลิงดับ และให้ยุติภายในเวลา 19.30 ทีมทะลุฟ้า ระบุว่าต้องให้ตำรวจควบคุมฝูงชนออกจากพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อน 

เวลา 19.05 น. กลุ่มทะลุฟ้าเผาหุ่นฟางแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ก่อนจะถูกจนท. ตร. ใช้ถังดับเพลิงดับ และประกาศยุติการชุมนุมในเวลาต่อมา