Skip to main content
sharethis

สองคนทำวิดีโอเล่าม็อบวันที่ 17 พ.ย. 63 ในมุมมองของพวกเขา คนหนึ่งฉายเหตุปะทะระหว่างม็อบปกป้องสถาบันและม็อบราษฎร อีกคนเล่าภาพการสลายชุมนุมม็อบคณะราษฎร 

การชุมนุมวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์มากมายที่ไม่อาจมีใครบันทึกไว้ได้ทั้งหมด หลักใหญ่คือการฉีดน้ำผสมสารเคมีและการใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร อีกส่วนคือการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบันและผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรอย่างน้อยถึงสองครั้ง เหตุการณ์ทั้งสองถูกบันทึกไว้ในมุมของช่างภาพสองคนที่ลงพื้นที่จริง ในเวลาใกล้เคียงกัน แต่อยู่คนละฝั่งของเหตุการณ์ คือ โสภณัฐ โสมขันเงิน และศุภสิน พูนธนาทรัพย์

วิดีโอที่แยกเกียกกาย วันที่ 17 พ.ย. 2563 โดย โสภณัฐ โสมขันเงิน

โสภณัฐ โสมขันเงิน นักทำหนังอิสระ อายุ 26 ปี เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ขณะที่เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบันและผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรช่วงเย็น คลิปวิดีโอของเขาที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กบอกเล่าเหตุการณ์จากผู้ชุมนุมฝั่งปกป้องสถาบัน

โสภณัฐเล่าให้ฟังว่าเขามาถึงที่แยกเกียกกายประมาณ 16.40 น. เห็นแผงรั้วกั้นและมีคนเดินเข้าไปประปราย เขาเดินเข้าไปเห็นกลุ่มเสื้อเหลืองกำลังนั่งบนเสื่อ จึงรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบัน มีแกนนำกำลังปราศรัยเรื่องความสำคัญของสถาบันกษัตริย์ มีเด็กๆยืนฟังอยู่ สักพักมีการประกาศขอการ์ดอาสามาช่วยกันม็อบจากอีกฝั่งไม่ให้เข้ามาฝั่งนี้ ก็มีคนอาสาลุกออกไปหลายคน หลังจากนั้นแกนนำเริ่มประกาศว่าตำรวจเริ่มยันไม่ไหวแล้ว แกนนำถามว่า "พวกเราจะถอนหรือจะอยู่ต่อ สู้ไม่สู้" ประชาชนก็บอกว่า "สู้" แกนนำระบุว่าไม่อยากให้เกิดการปะทะ จึงขอให้ตำรวจนำรั้วลวดหนามมากั้น และเรียกแกนนำทุกจังหวัดขึ้นมาประชุมหารือ

เหตุการณ์ในคลิปที่โสภณัฐถ่าย เช่นเดียวกับที่เขาเล่าให้ฟัง คือช่วงที่ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรเริ่มบุกเข้ามา ชายเสื้อเหลืองคนหนึ่งประกาศขอการ์ดมาแนวหน้า และตะโกนบอกคนบนสะพานลอยว่า "เอายังไง เดี๋ยวขึ้นไปเลย" ขณะเดียวกันผู้หญิงเสื้อเหลืองอีกคน (ทราบภายหลังว่าคือผู้ช่วย กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขตคลองเตย) บอกให้ไปตามผู้ชายมาเป็นการ์ด


ผู้หญิงเสื้อเหลืองคนดังกล่าวในวิดีโอของ โสภณัฐ โสมขันเงิน

"ผมเห็นตำรวจชุดหนึ่งมายืนกัน แต่ยืนแป๊บเดียวก็ได้ยินตำรวจบอกว่าอีกหนึ่งนาทีจะถอยร่น แล้วเขาก็หายกันไปหมดเลย ตอนประมาณ 17.10 น. หลังตำรวจออกไป ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรก็เริ่มเดินเข้ามาตะโกนด่าเสื้อเหลือง การ์ดจากฝั่งเสื้อเหลืองเริ่มมากัน แต่ทันใดนั้นเองก็มีรถบรรทุกน้ำหนึ่งคันขับเข้ามาจากทางด้านซ้าย (กลุ่มราษฎรมาจากทางขวา) ไม่มีการเบรก จนการ์ดต้องแยกออกหนีรถ รถน้ำพุ่งเข้ามาในแผงกั้น กลุ่มเสื้อเหลืองก็เห็นว่ารถไม่หยุด เลยวิ่งหนีกัน มีคนเสื้อเหลืองช่วยเปิดให้รถน้ำดันแผงเข้ามาได้ กลุ่มราษฎรก็เข้ามาด้วย แต่มุ่งไปที่รถน้ำ เลยเริ่มปะทะกัน มีการขว้างปาสิ่งของ แท่งเหล็ก ไม้ หิน ขวดแก้ว ระหว่างนั้นตำรวจไม่มีเลย" โสภณัฐกล่าว

โสภณัฐเล่าต่อว่า ตอนปะทะมีแกนนำคนหนึ่งประกาศว่าทหารเปิดให้เข้าไปหลบได้ที่กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ซึ่งตอนแรกกั้นลวดหนามไว้ที่ประตู แต่ต่อมาก็เปิดช่องให้เด็ก คนแก่ ผู้หญิงเข้าไปได้ ส่วนคนปะทะเป็นชายฉกรรจ์ มีการตะโกนเหมือนรวมพล เช่น "ชลบุรีซอย 9” เหตุการณ์ปะทะดำเนินไปจนกระทั่งแกนนำเสื้อเหลืองเริ่มประกาศให้ฝั่งนั้นหยุด และฝั่งตนก็จะหยุดเช่นกัน หลังจากนั้นจึงเริ่มเจรจากันตรงรั้ว โดยมีคำพูดเช่น "เรารักประเทศเหมือนกัน อย่าทำอะไรกันเลย" มีการยื่นขวดน้ำให้กัน และชนขวดกัน จนเวลาประมาณ 17.45 น.สถานการณ์จึงสงบลง

เมื่อถามโสภณัฐว่าทำไมแนวของตำรวจจึงถอยร่นและหายไปในจุดปะทะ โสภณัฐระบุว่า แนวตำรวจแตกฝั่งที่กั้นกลุ่มราษฎรนั้นแตกจริง แต่ฝั่งที่กั้นกลุ่มปกป้องสถาบันก็ยังไม่แตก แต่ตำรวจทั้งสองฝั่งก็ถอยร่นอย่างรวดเร็ว หลังตำรวจถอยร่นเพียง 1-2 นาที รถบรรทุกน้ำก็พุ่งมาเลย ขับชนจนแนวกั้นแตก 

โสภณัฐยังเล่าด้วยว่าหลังเหตุปะทะจบลง เขาได้เดินไปยังกลุ่มราษฎร และเห็นตอนที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมพอดี ซึ่งเขาได้ถ่ายวิดีโอไว้ทัน โดยหลังจากยิงแก๊สน้ำตาแล้วผ่านไปไม่กี่วินาทีก็เริ่มมีควันออกมา จากนั้นมีคนหยิบก้อนแก๊สน้ำตานั้นขว้างไปในบริษัทบุญรอดฯ ไปติดอยู่บนตึกของบุญรอดที่ชั้นสอง และเกิดเป็นควันพุ่งขึ้นจากตรงนั้น คนก็เลยชี้ว่าแก๊สน้ำตามาจากตึกของบุญรอด แต่ความจริงในการยิงครั้งนั้นเขาเป็นพยานได้ว่าเป็นการยิงมาจากฝั่งของตำรวจ ไม่ใช่จากในบริษัทบุญรอดฯ 

คลิปขณะตำรวจยิงแก๊สน้ำตา โดย โสภณัฐ โสมขันเงิน

วิดีโอที่แยกเกียกกาย วันที่ 17 พ.ย. 2563 โดย ศุภสิน พูนธนาทรัพย์

ขณะเดียวกัน ศุภสิน พูนธนาทรัพย์ ช่างภาพอิสระ อายุ 26 ปี ก็เล่าเหตุการณ์จากกลุ่มราษฎรที่เขาได้เข้าไปบันทึกเหตุการณ์ว่า ตอนแรกตนแค่ดูไลฟ์ แต่พอเห็นว่ามีการฉีดน้ำก็เลยไปที่ม็อบ ไปถึงเวลาประมาณ 15.45 น. ก็รีบไปที่แนวหน้าทันที แล้วก็โดนฉีดน้ำเลย ตลอดเวลาที่อยู่ในม็อบตนเห็นว่าฝั่งม็อบพยายามจะเข้าไปที่หน้ารัฐสภา แต่ก็มีแผงรั้วลวดหนามและแนวตำรวจกันอยู่ ตำรวจบอกว่าทำตามหลักสากลและย้ำว่าจะไม่ฉีดแก๊สน้ำตา ไม่ฉีดน้ำ แต่พูดไม่ทันขาดคำก็ประกาศฉีดน้ำ สลับกับการใช้แก๊สน้ำตา โดยคิดว่าเฉลี่ยน่าจะมีการฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตาทุกสิบนาที ขณะที่ผู้ชุมนุมก็สลับกันค่อยๆ เอาแบริเออร์ทุกอย่างออก จนประมาณสองทุ่ม ตำรวจก็ถอยและผู้ชุมนุมก็สามารถเข้าไปที่รัฐสภาได้

"ชุลมุนมาก ตำรวจขอคนเจรจา แกนนำก็ประกาศว่ามีคนเข้าไปเจรจา แต่พอไม่ถึงห้านาทีก็มีการฉีดไล่น้ำไล่อีก ค่ายทหารก็ปิดประตูสนิท เงียบสงัด มีคนที่บาดเจ็บ หมดสติ รถพยาบาลเข้ามาค่อนข้างยาก แม้จะมีอาสาพยาบาลที่อยู่ตรงนั้น แต่หลังๆ มีคนล้มเรื่อยๆ อาสาก็เลยไม่พอ มีตอนที่เราเห็นว่าตำรวจฉีดน้ำมาตรงแนวรถพยาบาลด้วย

"เราอาศัยไปตามนักข่าวและแนวการ์ด ตอนโดนแก๊สจะแสบตา แสบจมูก ต้องคอยเอาน้ำล้าง มีเหมือนกันที่แสบมากๆแล้วหายใจไม่ได้ รู้สึกหน้ามืด เกือบเป็นลม เดาว่าคนที่เป็นลมคงเกิดจากอาการแบบนี้ หรือต่อให้กลั้นหายใจก็แสบตา ต้องมีแว่นที่ปิดหมดจริงๆ เหมือนแว่นว่ายน้ำ ส่วนน้ำถ้าโดนเราจะรู้สึกระคายเคือง" ศุภสินเล่า

 

ในวันเดียวกัน วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ให้สัมภาษณ์ในรายงาน 'เนชั่นคนข่าวเข้ม' ตอบข้อสงสัยกรณีที่มีนัดหมายว่าจะเลิกชุมนุมไม่เกิน 14.00 น. แต่ผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบันก็ยังชุมนุมต่อจนถึงช่วงค่ำของวันเดียวกัน จนกระทั่งเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่ม

โดยวรงค์กล่าวว่า พวกตนชุมนุมตั้งแต่เช้าชุมนุม และเมื่อถึงเวลานัดหมายคือ 10.30 น. รองประธานวุฒิสภามารับหนังสือคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังยื่นหนังสือตนก็ขึ้นปราศรัยต่อและบอกพี่น้องประชาชนว่ามีแผนที่สองคือไปยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด ซึ่งตนประกาศว่าถ้าประชาชนสะดวกไปก็ไปกับพวกตนได้ และยังบอกว่า ณ ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องอยู่ที่จุดนี้แล้ว แกนนำก็ได้ออกจากพื้นที่ตรงนั้นหมดแล้ว แต่ระหว่างที่ตนเดินทางไปมีมวลชนมาสมทบ ตนเห็นใจเพราะมีพี่น้องจากต่างจังหวัดเข้ามา แต่ก็ย้ำตลอดว่าควรต้องจบก่อน 14.00 น. เพราะตนรู้ว่าทางฝั่งราษฎรจะมาตอน 15.00 น. และตนไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่รถนัดหมายจะมารับช่วงเย็น ซึ่งเขาไม่ทราบโปรแกรม ทำให้มีคนส่วนหนึ่งที่อยู่รอรถกลับ

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงข้อสงสัยที่ตำรวจทหารปะปนกับกลุ่มเสื้อเหลือง วรงค์ตอบว่า "ไม่ทราบจริงๆ ออกพื้นที่ตั้งแต่ 11 โมงเศษๆ ภารกิจเราแค่ยื่นหนังสือก็เสร็จสิ้นแล้ว"


 

บันทึกการสังเกตการณ์โดยอดีตนักข่าวผู้หนึ่งซึ่งเฝ้าอยู่บนสะพานลอยแยกเกียกกาย ตั้งแต่ 15.45 น. จนยุติชุมนุม มีข้อสังเกต ดังนี้ (ดอกจันคือความเห็น)

1.ช่วงแรก ผู้ชุมนุมอยู่ ถ.ประชาราษฎร์สาย 1 เป็นหลัก ตำรวจตั้งแบริเออร์ ลวดหนาม รถเมล์ขวาง ถัดมาตรงกลางแยกเป็นตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งหลายแถว มีโล่ มีหมวก บางส่วนมีกระบอง

2.หันไปอีกด้านติดกันคือ ถนนทหาร ด้านกองพลทหารปืนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง แนวหน้าไม่มากนัก แต่มีประชาชนนั่งกระจายตัวถัดๆ ไป ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด (ตอนเกือบเที่ยงคืน เห็นรถบัสหลายคันมารับประชาชนตรงแฟลตตึกดิน ซึ่งเป็นแฟลตทหาร)

*การชุมนุมประชิดกันอย่างไม่ควรจะเป็น และตำรวจที่คุมน้อยเกินไป

3.ตำรวจที่กันแนวกลุ่มคนเสื้อเหลือง ไม่มีหมวก โล่ กระบอง จำสีผ้าพันคอไม่ได้ และตั้งแถวสองสามแถว

4.ตำรวจฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ มีผสมแก๊สน้ำตาด้วยแน่เพราะบนสะพานลอยแสบตาบางครั้ง ฉีดกันหลายครั้ง คิดว่าเกิน 5-6 ชุดในครึ่งชม. แต่ครั้งละไม่นานนัก เพื่อกันไม่ให้แนวหน้ามาที่รั้ว บางช่วงเป็นน้ำสีม่วง การเตือนได้ยินเพียงบางครั้งว่า อย่ายุ่งแนวรั้ว ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้แจ้งก่อนฉีด ตอนแรกมีรถฉีด 2 คัน ซักพักมาเติมอีก 1 คัน รถบรรทุกน้ำอีก1 คัน ระหว่างการฉีดน้ำบางช่วง ผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองเปิดเพลงหนักแผ่นดิน นอกนั้นเป็นการปราศรัย ได้ยินแว่วๆ ด่าไอลอว์

*รู้สึกใจคอไม่ดีกับเพลงนี้มาก โชคดีที่เปิดแป๊บเดียว

5. ผู้ชุมนุมก็พยายามตอดเรื่อย เพื่อหาทางเอาลวดหนามและแบริเออร์ออก บางคนโดนฉีดน้ำจังๆ ดีที่หันหลัง จนราว 17.00 น. เหมือนน้ำหมดเติมไม่ทันหรืออย่างไรไม่ทราบ (เคยเห็นเติม 1 หน มีหัวดับเพลิงตรงแยกเลยหลังแนวตำรวจ เติมไม่ยาก) จู่ๆ รถน้ำก็ค่อยๆ ทยอบถอย จากแนวหน้า มาหลังแนวตำรวจ แล้วในที่สุดก็ถอยหายทั้งสามคัน

*ไม่เข้าใจการถอยเท่าไร รถเติมน้ำถอยก่อนเพื่อน

6.พอรถน้ำถอย คราวนี้ผู้ชุมนุมก็ค่อยๆ ลุยเข้าจัดการสิ่งกีดขวางต่างๆ จนสามารถทะลุแนวกั้นได้ในเวลา 17.07 น. แงะสิ่งกีดขวาง และด่านหน้าโห่และกรูไล่แนวตำรวจไปทางวัดแก้วฟ้า ดูโกรธมาก แต่สักพักการ์ดอาสาก็ตามไปตั้งแถวกันแนวมวลชนได้ มวลชนเริ่มเดินเข้ามาที่แยกเกียกกาย ตอนนั้นคนก็ชิลๆ เดินไปมา ขณะที่คนเสื้อเหลืองขยับมายืนติดรั้ว แบบระยะประชิดกัน แต่ยังไม่มีอะไร

7. พอมวลชนเริ่มเข้ามาได้เยอะ ตำรวจที่เคยกันแนวตรงเสื้อเหลืองก็วิ่งหลบจากพื้นที่ไปก่อนแล้ว แล้วจู่ๆ ก็มีรถน้ำหนึ่งวิ่งมาจากถนนสามเสน(ทางด้านสภา)เลี้ยวขวาแยกเกียกกายจะเข้าถนนทหาร มวลชนเห็นก็โกรธ เข้าไปล้อมรถน้ำ ขว้างปาของ แล้วรถน้ำก็ค่อยๆ ขับฝ่าแนวเหล็ก (น่าจะมีคนยกออก) เข้าไปทางกลุ่มคนเสื้อเหลือง แนวที่กันไว้จึงเปิดออก การ์ดที่ตามทุบ ขว้างรถน้ำเลยเข้าไปในเขตเสื้อเหลืองด้วย เสื้อเหลืองก็วิ่งถอยหนีรถน้ำ

*นั่นคือการเลยแดนเข้าไปทางกลุ่มเสื้อเหลือง ไม่แน่ใจว่ามีปะทะคารมหรืออะไรกันไหม

8.ขณะที่ใต้สะพานลอยมีรถตำรวจมาโผล่มาแยกเกียกกายอีกคัน มวลชนล้อม ด่า เริ่มทุบรถด้วยความโกรธ อีกส่วนก็พยายามห้าม ห้ามกันสำเร็จ หันอีกทีฝั่งที่เผชิญหน้ากับคนเสื้อเหลือง ขว้างของใส่กันแล้ว ไม้ ขวดพลาดติก เก้าอี้พลาสติก หิน ไม่แน่ใจว่ามีขวดแก้วไหม คนเริ่มวิ่งเข้าใส่กันทั้งสองฝ่าย แกนนำพยายามเรียกกลับ แต่ดูสภาพแล้วถอยยาก เพราะหากถอยอีกฝ่ายอาจบุกผ่านแนวมา แต่ซักพักใหญ่ คนด่านหน้าก็พยายามถอยห่างแนวออกมา แม้จะยังมีขว้างกันอยู่ตลอด มีฝั่งผู้ชุมนุม 3-4 คนพยายามลำเลียงรั้วเหล็กมาวางเป็นแนวกั้น ท่ามกลางการปาสิ่งของ โห่ร้อง สองฝั่ง

9.สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้น เพราะทางฝั่งผู้ชุมนุมยอมถอยออก และมีแนวรั้วเหล็กแล้ว แต่คนเสื้อเหลืองช่วงนั้นก็เดินหน้า พังรั้วเหล็กเข้ามาแล้วขว้างของใส่ คนส่วนมากเข้ามาในแนวผู้ชุมนุมไม่มาก แต่มี 3-4 คนที่เข้ามาลึกทำให้การ์ดวิ่งไล่แล้วกรูกันไปอยู่ตรงแนวปะทะจำนวนมาก แต่ยังไม่ล้ำแนวคนเสื้อเหลือง เสื้อเหลืองก็ถอย ระหว่างนี้ก็ขว้างกันทุกสิ่งอย่าง

10.การ์ดผู้ชุมนุมไม่น้อยพยายามอย่างมากที่จะหารั้วสังกะสี (แนวกั้นเดิมของตำรวจ) มากั้นแนวให้ได้ มีช่วงหนึ่งที่ฝั่งผู้ชุมนุมขว้างปาน้อยแล้ว แต่อีกฝั่งดูโกรธมากยังขว้างไม่หยุด แกนนำผู้ชุมนุมประกาศให้ถอยตลอด แต่ไม่ได้ยินแกนนำฝั่งนั้นพูดอะไร รถเครื่องเสียงจอดอยู่ใกล้ๆ

11. เริ่มมีคนเสื้อเหลืองด้านหน้า 2-3 คนชูมือห้าม ขออีกฝ่ายให้สงบลงและอย่าปา แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้นเพราะด้านหลังคนเสื้อเหลืองยังปาไม่หยุด จึงมีการปาจากฝั่งผู้ชุมนุมตลอด กระทั่งพักหนึ่งคนเสื้อเหลืองด้านหน้าจึงเริ่มหันไปห้ามคนตนเองด้วย

12. แนวกำบังค่อยๆ ตั้งสำเร็จทั้งสองฝั่ง มีช่วงสงบ ช่วงปาของเป็นระยะ โดยมีบางส่วนพยายามห้ามกันตลอด บางช่วงแกนสองฝั่งมากอดกัน ไม่ทันไรขว้างอีกแล้ว เพราะไม่รู้ใครเปิด แต่โดยรวมค่อนข้างสงบ มี 2 ครั้งที่เห็นคนเดินมาจากฝั่งกลุ่มเสื้อเหลือง (แต่ใส่เสื้อสีอื่น) ยื่นหมวกกันน็อคให้การ์ดผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามรถแกนนำผู้ชุมนุมก็ออกจากแยกเกียกกายมุ่งหน้าไปสภา ปล่อยให้การ์ดอาชีวะคุมเชิงด้านนี้เป็นหลัก และมีมวลชนบางส่วนอยู่แถวนี้ มวลชนส่วนใหญ่ตามรถแกนนำไป

คลิป 26 นาที จะเห็นภาพชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลำดับเป็นอย่างไร (ด้านล่าง)

13. การปะทะตอนเย็นซึ่งยังมีแสงสว่างสงบลงในเวลาประมาณ 17.40 น. (จึงออกจากสะพานลอยไปส่งคลิปราว 15 นาที ก่อนกลับเข้าพื้นที่แยกเกียกกายอีกครั้ง)

14. สถานการณ์ดีขึ้น จนคิดว่าไม่น่ามีอะไร ฝั่งผู้ชุมนุมตอนนี้การ์ดอาชีวะมากันอยู่ จำนวนสัก 40-50 ฝั่งเสื้อเหลืองด้านหน้าก็ใกล้เคียงกัน น่าจะ 30-40 แถวหน้าสุดของคนเสื้อเหลืองในเวลานั้น ยืนตรง ค่อนข้างมีระเบียบ คนตรงกลางใส่หมวกแก๊ปจะคอยพูดคุยกับคนข้างๆ ตลอด ไม่มีใครล้ำหน้าคนนี้ ความเป็นระเบียบนี้มีราว 3-4 แถวแรก ส่วนพวกวัยรุ่นจะอยู่ถัดไป ห่างออกไกลๆ น่าจะเป็นมวลชนเสื้อเหลืองมีอายุหน่อย นั่งเสื่อกันกระจัดกระจาย ดูด้วยตาระยะไกลเห็นจำนวนไม่มาก

15. การ์ดอาชีวะฝั่งผู้ชุมนุมเปิดเพลงเต้น สาวบางโพ บอดี้สแลม ประเทศกูมี ตะโกนโหวกเหวกบ้าง ตะโกนแบบ unite อาชีวะบ้าง สลับกับเงียบ บางช่วงมี 2-3 คนแกล้งเคาะโล่ตำรวจที่ยึดเอามาใช้ตรงแนว 2-3 ครั้ง อาจทำให้อีกฝั่งตกใจหรือโกรธ แต่ทางนั้นนิ่งสนิท คนใส่หมวกแก๊ปไม่มีท่าทีสนใจใดๆ กับการกวน สักพักคนเสื้อเหลืองแถวหน้า 4-5 แถวปูเสื่อและนั่งลง เป็นแนวอย่างมีระเบียบ

16. สถานการณ์ดูไม่น่ามีอะไรจนฟ้ามืดแล้ว กระทั่งมีการเคลียร์เรื่องก๊าซรั่วจากรถเมล์ได้ ทำให้มวลชนที่อั้นอยู่ทางสะพานข้ามคลอง ถนนประชาราษฎร์สาย1เดินผ่านแยกเกียกกายเข้ามาเพื่อจะไปสมทบหน้าสภา จำนวนมากขึ้น จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงดัง ไม่แน่ใจว่าประทัดหรือสิ่งใด แล้วความโกลาหลตรงแนวปะทะก็เกิดขึ้น มองไม่ทันว่ามันเริ่มได้อย่างไร

17. นักข่าวบนสะพานลอยด้านปะทะต้องหลบเพราะสถานการณ์ดูรุนแรงกว่าช่วงเย็น มีโยนของ ได้ยินเสียงขวดแก้ว เสียงคล้ายประทัดหรือกระจับหรืออะไรไม่มีความรู้ มีเสียงคล้ายปืนบางชนิดที่ดัง 4-5 ครั้งติดกัน เสียงไม่ดังมากนะ แต่บนสะพานลอยด้านปะทะเหลือกล้อง 1-2 ตัวไม่ยอมหลบทั้งที่แกนนำประกาศให้หลบ นักข่าวด้านอื่นหมอบลงกับพื้นสะพานลอย

*สถานการณ์นอกจากจะรุนแรงขึ้นมาก ยังมีสภาพมืดด้วย ถ่ายคลิปด้วยโทรศัพท์แทบมองไม่เห็นอะไร กลุ่มคู่ขัดแย้งไม่ควรอยู่ประชิดกันจนฟ้ามืดอย่างยิ่ง และด้านเกียกกาย ไม่มีการปราศรัยอะไรยั่วยุ แกนนำรถซาเล้งเน้นการจัดการเต๊นท์พยาบาลและก๊าซรถเมล์ที่รั่ว กลัวระเบิด

18. การประทะเกิดขึ้นพักหนึ่ง น่าจะราว 15-20 นาที ก่อนกลุ่มเสื้อเหลืองถอนร่นหายไป อาชีวะวิ่งตามไป ทางแยกเกียกกายมวลชนก็โกลาหลหนัก เหตุการณ์ปะทะน่าจะยุติราว 20.00 เศษ สักพักกลุ่มการ์ดอาสาพยายามตั้งแถวเป็นแนวลำเลียงคนเจ็บ ซักพักกลุ่มอาชีวะกลับมา เริ่มมีคนเจ็บถูกส่งมาเต๊นท์พยาบาลสีขาวที่ตั้งอยู่ข้างแยกเกียกกาย

19. มีรายงานจากพยาบาลในเต๊นท์ระบุว่า มีคนถูกกระสุนจริงเข้าต้นขา 2ราย กระสุนยาง 1ราย ซึ่งตรงกับที่สอบถามจากการ์ดอาชีวะก่อนหน้า พยาบาลอาสาระบุว่าเมื่อรวมกับที่บาดเจ็บอื่นๆ รวมแล้วราว 10 กว่าคน

20.จากการสอบถามการ์ดอาชีวะหลายคนที่มานั่งพักที่เต๊นท์พยาบา]ระบุว่า เหตุเริ่มจากการปาระเบิดปิงปองของฝั่งคนเสื้อเหลือง จากนั้นจึงชุลมุนหนัก พวกเขายืนยันว่าไม่ใช่ประทัดเพราะโดนเศษแก้วเข้ากับตัว และบอกว่า เห็นเสื้อเหลือง 7-8 คนวิ่งเข้าไปในค่ายทหาร โดยทหารเปิดให้ เมื่อถามว่า เป็นการ์ดหรือมวลชน พวกเขายืนยันไม่ได้เพราะชุลมุนมาก

21.โจทย์ที่ยากขึ้น - เนื่องด้วยการขว้างของใส่กันตอนเย็นจบแล้ว สงบอยู่กันนิ่งๆ ได้นานแล้วทั้งสองฝั่ง แต่จู่ๆ ก็เกิดการปะทะแรงตอนค่ำประกอบกับการ์ดอาชีวะโดนยิงและบาดเจ็บอีกหลายราย สิ่งนี้จะยิ่งทำให้เกิดความโกรธแค้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวแบบนำมวลชนมาเผชิญหน้ากัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net