ศรีสุวรรณร้อง ป.ป.ช. ตรวจสอบ 14 โครงการกองทัพเรืออาจไม่โปร่งใส เช่น โครงการบ้านพักรับรอง ผบ.ทร. หลังใหม่, โครงการซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน
2 ต.ค. 2563 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า เวลา 10.30 น. เขาเดินทางไปยื่นคำร้องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) พร้อมพยานหลักฐาน เพื่อให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและวินิจฉัย กรณีอดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไป ได้จัดทำหรือสั่งการให้มีการดำเนินโครงการต่างๆ รวม 14 โครงการ ในลักษณะที่อาจขัดระเบียบของทางราชการ ไม่โปร่งใส และอาจเข้าข่ายทุจริตตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพเรือ มูลค่าอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า เรื่องที่ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ได้ข้อมูลที่ส่อพิรุธมาจากนายทหารเรือที่อยู่วงใน ได้แก่
- โครงการจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล (MPA) วงเงิน 14,000 ล้านบาท
- โครงการจัดหาระบบค้นหาเป้าหมายทางบก วงเงิน 649 ล้านบาท
- โครงการจัดหายานล่าทำลายทุ่นระเบิดแบบเคลื่อนที่ทดแทนยาน Pluto Plus ของเรือ ลทฝ. ชุด ร.ล.ลาดหญ้า วงเงิน 150 ล้านบาท
- โครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ (LPD) วงเงิน 5,500 ล้านบาท
- โครงการจัดหาระบบควบคุมการยิงพร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 ระบบ วงเงิน 456 ล้านบาท
- โครงการบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือ วงเงิน 112 ล้านบาท และระบบรักษาความปลอดภัย 20 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สอ.รฝ. วงเงิน 51 ล้านบาท
- โครงการถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุ สามเณร วัดโมลีโลกยารามวรวิหารต่อเนื่อง 700 วัน วงเงิน 20,000 บาทต่อวันหรือประมาณ 14 ล้านบาท
- โครงการไตรกีฬา วงเงิน 95 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมข้าราชการ กองทัพเรือ
- โครงการก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ วงเงิน 35 ล้านบาท
- โครงการคัดเลือกผู้ช่วยฑูตทหารเรือ และรองผู้ช่วยทูตทหารเรือ
- โรงการจัดซื้อจัดซื้อยานเกราะจากประเทศจีน วงเงิน 405 ล้านบาท
- โครงการก่อสร้างประตูทางเข้ากองทัพเรือ
ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการมีหนังสือเร่งรัดไปยังปะเทศจีนในโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำจากประเทศจีน ที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเคยร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ไว้แล้ว
ศรีสุวรรณ กล่าวว่า กระบวนการจัดทำโครงการต่างๆ ข้างต้น เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของทหารเรือทั้งหลาย รวมทั้งสาธารณชนเป็นจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์การจัดทำโครงการต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสกานการณ์ปัญหาของประเทศที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งบางโครงการไม่มีความจำเป็นในการนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้แต่อย่างใด อีกทั้งมีความพยายามที่จะให้แต่ละโครงการดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 ก.ย. 2563 อันชี้ช่องให้เห็นเป็นข้อพิรุธมากมาย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงนำข้อมูลพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ในการไต่สวน สอบสวน เอาผิดอดีต ผบ.ทร. และผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกๆ โครงการต่อไป
หลายโครงการที่เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เป็นโครงการที่กองทัพเรือเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้งบประมาณ และต้องออกมาชี้แจงต่อสังคม เช่น กรณีการจัดสร้างบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือมูลค่า 112 ล้านบาท เจ้ากรมช่างโยธาทหารเรือเคยชี้แจงว่า ต้องสร้างหลังใหม่เนื่องจากสภาพอาคารบ้านรับรองผู้บัญชาการทหารเรือหลังเดิมทรุดโทรม มีน้ำท่วมขังโดยเฉพาะบริเวณห้องน้ำซึ่งมีกลิ่นแรง ไม่สามารถแก้ไขซ่อมแซมได้ เพราะก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี และเสียหายจากอุทกภัยใหญ่ในปี 2554 ขณะที่ผู้จัดการออนไลน์เปิดเผยว่า เฉพาะค่าตกแต่งห้องนอน ผบ.ทร. มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท
ส่วนโครงการก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ วงเงิน 35 ล้านบาท โฆษกกองทัพเรือเคยชี้แจงว่า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจำเป็นต้องจัดสร้างซุ้มประตูทางเข้า–ออกขึ้นใหม่ เนื่องจากซุ้มประตูเดิมกีดขวางการสร้างขยายถนนสุขุมวิท เพื่อรองรับการจราจรและรองรับปริมาณรถที่จะเพิ่มขึ้น ตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ แต่เป็นเงินจากการบริจาคและเช่าบูชาวัตถุมงคล
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)