31 พ.ค.2563 เวลาประมาณ 6.00 น. กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ได้นำผ้าดำพันรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน พร้อมชูป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
อานนท์ นำภา อธิบายว่าการทำกิจกรรมในวันนี้เพราะเป็นวันครบรอบ 59 ปี ที่ครูครอง จันดาวงศ์ถูกประหารชีวิต ครูครองเป็นบุคคลที่ได้กล่าวคำ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ขณะที่ถูกนำตัวเข้าหลักประหาร โดยที่ข้อความดังกล่าวได้ถูกในมาใช้ในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยของคนรุ่นต่อมา นอกจากนั้นยังเคยมีคนที่ถูกฟ้องร้องเพราะไปเผยแพร่ข้อความนี้มาแล้ว
“ความหมายของผ้าดำคือ ตอนนี้ระบบประชาธิปไตยของเรามันถูกปกคลุมด้วยความเป็นเผด็จการทหาร การฟื้นฟู (ประชาธิปไตย) มันคงเป็นไปได้ยาก แต่เราต้องรำลึกเพื่อย้ำเตือนว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมันเริ่มมานานแล้วและมีผู้ที่สละชีวิตมาก่อนเราแล้ว” อานนท์กล่าวอธิบายความหมายของการทำกิจกรรมครั้งนี้
2 คดี ในรัฐบาลทหาร
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2558 พบการโปรยในปลิวมีข้อความ "ตื่น และลุกขึ้นสู้ได้แล้ว ... ผู้รักประชาธิปไตยทุกคน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" ตามสถาบันการศึกษาไม่ว่าจะเป็นหน้าโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนมัธยม และวิทยาลัยเทคนิคในจังหวัดระยอง
จากนั้นไม่นาน พลวัฒน์ วโรดมพุฒิกุล อายุ 22 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ และถูกพาไปเข้าค่ายทหารก่อนถูกส่งตัวให้ตำรวจเพื่อดำเนินคดีข้อหายุยงปลุกปั่น และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ 368 และข้อหาโปรยใบปลิวโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 10 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พ.ศ.2535
พลวัฒน์ต้องขึ้นศาลทหารอยู่เกือบ 4 ปี จนกระทั่ง คสช.มีคำสั่งโอนย้ายคดีพลเรือนกลับมาพิจารณาในศาลพลยุติธรรม จากนั้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2563 ศาลจังหวัดระยองจึงได้พิพากษาจำคุกเขาเป็นเวลา 6 เดือนในข้อหายุยงปลุกปั่น แต่ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นศาลจึงให้เหลือโทษจำคุก 4 เดือน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
นอกจากพลวัฒน์แล้ว ยังมีกรณีของ สามารถ ขวัญชัย ที่ถูกทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 60 นาย ได้เข้าจับกุมตัว ต่อมาทหารแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 มาตรา 61 (1) วรรคสอง จากกรณีการนำใบปลิวที่มีข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. Vote No” พร้อมรูปสัญลักษณ์ชูสามนิ้วไปเสียบบริเวณที่ปัดน้ำฝนหน้ารถที่จอดที่จอดรถของห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ คดีนี้ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 เม.ย.2560
59 ปีผ่านไป เผด็จการยังไม่พินาศ ประชาธิปไตยยังไม่เจริญ
“เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” คือประโยคที่ครอง จันดาวงศ์ กล่าวเอาไว้ขณะที่อยู่บนหลักประหารก่อนถูกยิงเป้าจากคำสั่งให้ประหารชีวิตด้วยมาตรา 17 ในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ.2502 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในวันนี้เมื่อ 59 ปีที่แล้ว
ครองเป็นเสรีไทยสายอีสานและเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จนทำให้เขาถูกจับกุมหลายครั้งในข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดน พ.ศ. 2491 และกรณีกบฏสันติภาพ พ.ศ.2495 และเคยเป็น ส.ส.สกลนคร ในนามพรรคแนวร่วมเศรษฐกร หลังจากจอมพลสฤษดิ์รัฐประหารจอมพล ป.พิบูลสงครามและจัดเลือกตั้งทั่วไปขึ้้น
แต่เมื่อสฤษดิ์ทำการรัฐประหารตัวเองเมื่อปี 2501 และปกครองด้วยระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบ ได้กวาดล้างปราบปรามนักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองฝ่ายค้านเป็นจำนวนมาก ครองจึงต้องออกจากการเป็น ส.ส.มาเป็นครูและทำอาชีพเกษตรกรไปด้วย
ภายหลังครองและเพื่อนได้จัดตั้งสมาคมลับชื่อ “สามัคคีธรรม” จัดอบรมให้ประชาชนรู้จักถึงความสำคัญของชนชั้นกรรมาชีพ แต่ต่อต้านอำนาจรัฐบาลเผด็จการสฤษดิ์ ครองถูกล้อมจับเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2504 และในวันที่ 31 พฤษภาคม 2504 เขาและทองพันธ์ สุทธิมาศ ก็ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นกบฏต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรและราชบัลลังก์ โดยไม่มีการพิจารณาคดีแต่อย่างใด
อ้างอิง
รายละเอียดคดีของพลวัฒน์ วโรดมพุฒิกุล
คดีเสียบใบปลิว ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’ ถึงที่สุดแล้ว หลังอัยการไม่อุทธรณ์
บทความ "ประวัติศาสตร์คำพูดในเครื่องหมาย “อัญประกาศ” ก่อนความตายด้วย ม. 17 ของครอง จันดาวงศ์"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)