Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ผู้เขียนได้มีโอกาสนำเสนอในสัมมนาวิชาการสิทธิมนุษยชน เรื่อง “การระดมความเห็นเพื่อหาข้อเสนอทางนโยบายและแก้ไขกฎหมายในการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ในวันที่ 9 กันยายน 2562 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลยถือโอกาสนี้ในการบอกเล่าปัญหาการเข้าถึงและข้อเสนอในทางนโยบายในการแก้ไขกฎหมายในการเข้าถึงกองทุนยุติธรรม ให้การเข้าถึงกองทุนของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชนทุกคน

อย่างที่เราทราบดีว่า เรามีกองทุนยุติธรรมขึ้นเป็นกองทุนสำหรับประชาชนที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี การขอประกันตัว หรือเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ หรือการขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนทุกคนที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหามีสิทธิที่จะต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และอำนวยความยุติธรรมให้คนจนคนด้อยโอกาส หรือคนจนที่ไม่มีเงินประกันตัวในคดีอาญา ทำให้คนจนถูกตั้งข้อหาในชั้นตำรวจ อัยการหรือศาล เมื่อถูกดำเนินคดีและมีการเรียกหลักประกัน แต่คนจนไม่สามารถหาเงินหรือหลักประกันมาวางได้ ทำให้ต้องถูกขังกลายเป็นปัญหาใหญ่จนกลายเป็นประเด็น"คุกมีไว้ขังคนจน" ตามที่เราๆ ท่านๆ ทราบดี

ตั้งแต่ปี2559 -26562 Protection International ได้เริ่มติดตามและประสานเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนับสนุนเงินกองทุนยุติธรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนระดับชุมชนจากภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ เนื่องจากนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่พีไอทำงานด้วยประกอบอาชีพเกษตรกรและไร้ที่ดิน หรือ เป็นคนจนในเมือง ถูกทั้งภาครัฐและเอกชนฟ้องร้องดำเนินคดี จากการที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิในการจัดการทรัพยากร การเข้าถึงที่ดิน สิทธิในที่ยู่อาศัย ปกป้องสิทธิชุมชนในการมีส่วนร่วมและกำหนดนโยบายที่กระทบกับวิถีชีวิตและชุมชน เมื่อคดีเกิดขึ้นภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าทนายความ ค่าถ่ายเอกสาร ฯ ลฯ และเมื่อมีกองยุติธรรมก็หวังว่าจะเป็นเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านคดี

จนถึงขณะนี้พีไออำนวยความสะดวกให้นักปกป้องสิทธิฯ ในการขอกองทุนยุติธรรมทั้งหมด 60 กรณีแทบจะทุกกรณีถูกปฎิเสธการเข้าถึงตั้งแต่ชั้นสำนักยุติธรรมจังหวัดและต่อมามีการประสานงานโดยการช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ และมีการประสานงานกับกองทุนยุติธรรมส่วนกลางถึงเข้าถึงได้ ถึงกระนั้นใน 60 กรณีมีการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมจริงแค่ 40 % ดังนั้นพูดได้ว่าขณะนี้มีการเข้าถึงน้อยมากหรือแทบจะเข้าไม่ถึงเลย นี่ขนาดมีองค์กรสิทธิฯ ช่วยประสานงานนะค่ะ

อุปสรรคในการเข้าถึงกองทุนยุติธรรมทั้งกฎหมายและภาคปฏิบัติและข้อเสนอการแก้ไข

1.เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัด เป็นเสมือนด่านแรกที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนระดับชุมชนจะเข้าถึง ปรึกษา หารือ ในการขอรับสนับสนุนเงินจากกองทุนยุติธรรม ซึ่งด่านแรกเป็นสิ่งสำคัญที่อธิบายข้อกฎหมายและระเบียบการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนยุติธรรม จากประสบการณ์ที่ผ่านมาด่านแรกยังไม่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการให้ข้อมูลที่ชัดเจน ที่สำคัญคือเจ้าหน้ามีทัศนคติที่ไม่เข้าใจการทำงานที่ชอบธรรมของ“นักปกป้องสิทธิมนุษยชน “ เบื้องต้นมักจะปฏิเสธไม่รับหรืออธิบายคำร้องต่างๆ ให้ชัดเจน ละเอียด จึงทำให้นักปกป้องสิทธิฯ ได้แต่กลับไปมือเปล่า เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องกลับมาค้นคว้าข้อมูลสอบถามรายละเอียดกับองค์กรสิทธิมนุษยชนหรือต้องประสานงานกับองค์กรสิทธิฯ ให้ทำหนังสือให้ยุติธรรมจังหวัดเพื่อให้เข้าใจการถูกคุกคามโดยการถูกใช้คดีความกลั่นแกล้งนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและความชอบธรรมของประชาชนในการเข้าถึงกองทุน

การแก้ไข อันนี้เราได้แก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการประสานงาน เจรจา พุดคุยกับเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดและหาจุดร่วมในการประสานงาน ควรมีการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการระหว่างเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัด เครือข่ายนักปกป้องสิทธิมนุษยชน องค์กรสิทธิมนุษยชน เพื่อเสริมสร้างทักษะการให้ข้อมูล การอำนวยความยุติธรรมและประสานงานให้กับเจ้าหน้าที่ มีการติดตามประเมินผลการทำงานที่เปิดพื้นที่ให้ผู้เข้ารับการบริการได้แสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงการบริการ

2. อำนาจการพิจารณาและระยะเวลาในการพิจารณา กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะในการพิจารณาคำร้องแต่กำหนดให้คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมซึ่งมีหน้าที่หลักในการตัดสินทุกประเด็น ทั้งหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือประชาชน หรือการแต่งตั้งอนุกรรมการกองทุนยุติธรรมประจำจังหวัด ประกอบไปด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง, สำนักงบประมาณ, สำนักงานศาลยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สภาทนายความ และผู้แทนจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มาจากการแต่งตั้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากสัดส่วนที่มาของคณะกรรมการชุดดังกล่าว นั้นมีตัวแทนของส่วนราชการมากกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทำให้ทุกการลงมติของคณะกรรมการจะมีข้าราชการเป็นเสียงส่วนมากอยู่เสมอ กอปรกับคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดในการพิจารณากองทุนยุติธรรม (ผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง เป็นผู้พิจารณาคำขอฯ ) ที่ไม่มีตัวแทนจากภาคประชาชนเลย ผิดกับหลักการกระจายอำนาจ รัฐควรกระจายอำนาจให้ประชาชน โดยไม่ต้องเข้าไปสู่ส่วนกลาง แต่การให้อำนาจการรัฐส่วนกลางไปให้รัฐในพื้นที่ไม่ใช่การกระจายอำนาจให้ประชาชน เพราะผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การที่คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในการพิจารณาคำขอปกติจะมีการประชุมกันเดือนละหนึ่งครั้ง ซึ่งช้ามากไม่ทันต่อความต้องการและก่อให้เกิดความล่าช้าในการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน

การแก้ไข ต้องมีการแก้ระเบียบที่เกี่ยวข้องที่ยุ่งยากซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงการบริหาร รวมถึงการแก้ พ.ร.บ. กองทุนยุติธรรม โดยใช้ข้อเสนอจากร่างกฎหมายฉบับภาคประชาชนที่พยายามกำหนดให้คณะกรรมการมีสัดส่วนตัวแทนทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชนเท่าๆ กันและให้นำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการส่งเงินเป็นรายรับของกองทุนเข้ามาเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการด้วยและกำหนดระยะเวลาการพิจารณาขอรับความช่วยเหลือเอาไว้ในชั้นพระราชบัญญัติเลยว่า ต้องแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำร้องทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันยื่นคำขอ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ให้แจ้งเหตุจำเป็นนั้นต่อผู้ยื่นคำร้องโดยเร็ว ในระหว่างที่รอการแก้ พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม เราเรียกร้องให้คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมส่วนกลางแต่งตั้งผู้แทนภาคประชาชนที่ต้องมาจากการสรรหา ไม่ใช่ราชการแต่งตั้งเองเพิ่มเข้ามา และแต่งตั้งอนุกรรมการกองทุนยุติธรรมประจำจังหวัดที่มีสัดส่วนของภาคประชาชนที่เท่าๆ กับข้าราชการ และในการพิจารณาการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนยุติธรรม บางกรณีที่มีความเร่งด่วน ต้องใช้กรอบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด แทนที่จะใช้ดุลยพินิจกับเจ้าหน้าที่ในการตัดสินใจมากกว่าการวางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอน เพื่อให้ตอบสนองหรือทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่เราทราบสำนักงานกองทุนยุติธรรมส่วนกลางได้มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเร่งด่วน ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง เช่น ขณะขอรับการสนับสนุน ผู้ต้องหา หรือจำเลยขาดอิสรภาพ , หรือใกล้จะถึงวันฟังคำพิพากษา และควรเพิ่มความเร่งด่วนรวดเร็วในกรณีคดีความของปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการที่ให้ผู้ขอรับการสนับสนุนเข้าร่วมพิจารณาเพื่อที่จะให้ได้มีโอกาสชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และอธิบายบริบทในการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพราะเอกสารที่มีการทำขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาของอนุกรรมการ เท่าที่เราทราบ นิติกรประจำยุติธรรมจังหวัดมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้ที่สืบเสาะ หาข้อมูล พร้อมทั้งทำความเห็นในการพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่

3. คณะกรรมการที่พิจารณากองทุนตัดสินความผิดล่วงหน้าแทนศาลในการพิจารณากองทุนยุติธรรมจังหวัดว่ามีความเห็นอนุมัติหรือไม่ มีหลายกรณีที่ไม่ได้อนุมัติ โดยการตัดสินไปก่อนแล้วว่า ผู้ที่มาขอรับการสนับสนุนนั้นกระทำผิดจริง โดยที่คดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาล เช่น กรณีของ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จังหวัด โดยคณะอนุกรรมการมีความเห็นว่า “จากการที่กลุ่มผู้ขอรับความช่วยเหลือได้เข้าขัดขวางและปิดกั้นทางขั้นประชุมสภาฯ ทำให้สมาชิกสภาฯ ไม่สามารถขึ้นไปยังห้องประชุมได้ เป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย รบบกวนการปฏิบัติงานของผู้อื่น กรณีนี้จึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ. กองทุนยุติธรรม 2558 ” จึงไม่อนุมัติเงินกองทุนยุติธรรม การพิจารณาเช่นนี้ขัดกับหลักการผู้ต้องหาหรือจำเลยจะต้องได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และมีสิทธิได้รับอิสรภาพจนกว่าศาลจะพิพากษาเป็นที่สุดว่าให้ลงโทษจำคุก และขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 29 วรรค 2 “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษา อันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้

การแก้ไข แก้ไขยกเลิกกฎหมายกองทุนยุติธรรมมาตรา 29 ที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือไว้ว่า ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของผู้ขอรับความช่วยเหลือ และในกรณีการขอปล่อยตัวชั่วคราวก็ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของผู้ขอความช่วยเหลือด้วยว่า หากได้รับการปล่อยตัวแล้วจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และก่อเหตุภยันอันตรายหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการที่พิจารณาให้การช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ จะต้องไปตัดสินล่วงหน้าในประเด็นดังกล่าว ข้อพิจารณาดังกล่าว เป็นหน้าที่ของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ทั้งพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ที่ต้องพิจารณาอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญาในมาตรา 108 อีกทั้งในการพิจารณาเงินกองทุนยุติธรรม ควรที่ให้ความเห็นกรณีที่ไม่อนุมัติ เนื่องจากเหตุผลใด มิใช่การเพียงการแจ้งว่าไม่เข้าเงื่อนไข ตาม พ.ร.บ. กองทุนยุติธรรม 2558 เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวจะมีผลต่อการทบทวนผลการพิจารณา

4. การสนับสนุนค่าทนายความและค่าเดินทาง ในปัจจุบันยุครวยกระจุก จนกระจาย รายได้เท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม แต่ราคาข้าวของและน้ำมันสูงขึ้นสำหรับการเดินทางในแต่ละครั้ง โดยปกตินักปกป้องสิทธิฯ หรือกลุ่มฯ จะเดินทางทางโดยรถยนต์เพื่อเป็นการมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันและเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากนักปกป้องสิทธิฯ จะอยู่ต่างอำเภอทำให้ระยะทางจากต่างอำเภอมาถึงศาลหรืออำเภอเมือง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของศูนย์ราชการ ต้องเดินทางกว่า 100 กิโลเมตรในการไปกลับ และในหมู่บ้านยังไม่มีรถโดยสารประจำทาง ต้องมาที่ตัวอำเภอจึงจะมีรถประจำทาง ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวก ใช้ระยะเวลาที่ยาวนานในการเดินทาง หรืออาจจะไม่สามารถเดินทางกลับได้ทันเวลา ซึ่งกองทุนยุติธรรมได้มีการสนับสนุนค่าพาหนะเดินทางโดยให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายตามจริงได้ไม่เกินวันละ 2 เที่ยว แต่ไม่เกิดอัตรารถโดยสารประจำทางหรือรถไฟตั้งแต่ชั้นที่ 2 นั่งนอนปรับอากาศ ตามประกาศคณะกรรมการกรรมการกองทุนยุติธรรม ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอัตราที่น้อย ไม่ได้ตอบสนองกับราคาค่าของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

ล่าสุดกรณีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเรื่องที่ดินบ้านซับหวาย จำนวน 14 คน ที่เป็นผู้หญิงที่เป็นย่าเป็นยาย เป็นแม่ ตั้ง 9 คน ที่สังคมเริ่มรู้จักถึงชะตากรรมที่ซึ่งกำลังถูกสั่งจำคุกอย่างไม่ได้สัดส่วนกับความผิด และถูกปรับสูงถึงกว่าหนึ่งล้านบาท ทั้งนี้บ้านซับหวายเป็นหนึ่งในหลายพันหมู่บ้านทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของ คสช. ได้รับจดหมายจากคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือประจำจังหวัดยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ ตามที่ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือให้ทบทวนคำสั่งที่ 2/2562 เรื่องขอรับการสนับสนุนค่าจ้างทนายความในชั้นอุทธรณ์ ค่าที่ปรึกษาหรือผู้ช่วยทางกฎหมายในการดำเนินคดี หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ค่าถ่ายเอกสาร โดยมีมติไม่อนุมัติคำขอ โดยไม่แจ้งเหตุผลแถมแจ้งสิทธิให้ไปฟ้องศาลปกครองภายใน 90 วัน

การแก้ไข ถึงแม้ว่าการจ่ายเงินชดเชยก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นในกรณีการให้กองทุนยุติธรรมไม่อาจทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโอกาสในชีวิตหรือครอบครัวที่พังทลายของจำเลยและผู้ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม แต่การอนุมัติกองทุนยุติธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของการให้โอกาสในการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมและเป็นหน้าที่ของรัฐในการอำนวยความยุติธรรม เจ้าหน้าที่ควรใช้แนวทางตามระเบียบกองทุนยุติธรรมข้อ 23 ในคดีที่มีความซับซ้อนหรือมีผลกระทบต่อประชาชน หรือกลุ่มบุคคลตั้งแต่สิบรายขึ้นไป หรือที่อาจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม การช่วยเหลือได้กับทนายความที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกองทุน โดยความเห็นชอบของเลขานุการ ในการพิจารณาอนุมัติกองทุน

การเข้าถึงกองทุนยุติธรรมของประชาชนคณะกรรมการกองทุนต้องระลึกไว้เสมอว่า การอนุมัติกองทุนยุติธรรม เป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์รากฐานที่มาของกองทุนฯ คือเพื่อเป็นขั้นแรกๆ ของการแก้ไขและลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทั่วถึงกันของประชาชนในการเข้าถึงความยุติธรรม และช่วยให้การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมีความเป็นธรรมและมีมนุษยธรรมมากขึ้น ไม่ไปบดบังบดเบียนซ้ำเติมชีวิตประชาชนและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ต้องการที่พึ่งในยามที่พวกเขาต้องการการช่วยเหลือจากรัฐมากที่สุด

 

โพรเทคชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนไม่แสวงหากำไร  เป็นองค์กรที่ทำงานกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งหญิงและชายที่ประสบความเสี่ยงโดยการนำยุทธศาสตร์ที่พัฒนาโดยสำนักงานและการจัดการทางด้านความปลอดภัย เราทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นในกว่าสามสิบประเทศทั่วโลก  พีไอทุ่มเทการทำงานให้กับนักปกป้องสิทธิที่เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามช่องทางทางกฎหมาย กลไกการคุ้มครองและปรับปรุงในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาสามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการยอมรับในประเทศและระดับสากลในสิทธิการปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ชอบธรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

เกี่ยวกับผู้เขียน: ปรานม สมวงศ์ ทำงานในองค์กรโพรเทคชั่นอินเตอร์เนชั่นแนลประจำประเทศไทย (PI) โดยทำงานกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งหญิงและชายที่ประสบความเสี่ยงโดยการนำยุทธศาสตร์ที่พัฒนาโดยสำนักงานและการจัดการทางด้านความปลอดภัย ปรานมในฐานะตัวแทนของ PI ได้ทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นในกว่าสามสิบประเทศทั่วโลก โดยทุ่มเทการทำงานให้กับนักปกป้องสิทธิที่เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามช่องทางทางกฎหมาย กลไกการคุ้มครองและปรับปรุงในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาสามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการยอมรับในประเทศและระดับสากลในสิทธิการปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ชอบธรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net