พรรคเศรษฐกิจใหม่แถลงอย่างช้าๆ และชัดๆ ยืนยันไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และไม่โหวตพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ลั่นอยู่กับเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลง เคลียร์ปมถูกสมาชิกยื่นยุบพรรค เหตุคนนอกครอบงำ ยันผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกพรรค ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งพรรคด้วย

ภาพจากเฟสบุ๊คแฟนเพจ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่

19 เม.ย. 2562 เวลา 14.00 น. มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วยสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 , ภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค , อภิวัฒน์ อากาศฤกษ์ นายทะเบียนพรรค ประพันธ์ เอี่ยมศิริ โฆษกพรรค และบุญเลิศ เหลียงกอบกิจ กรรมการบริหารพรรค ได้จัดการแถลงข่าวหลังจากเกิดกรณีผู้สมัคร ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้พิจารณายุบพรรคเศรษฐกิจเนื่องจากเชื่อว่ามีบุคคลภายนอกเข้าครอบงำพรรคการเมือง

โดยในช่วงต้น มิ่งขวัญ เปิดเผยว่า ตนเองเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจใหม่เนื่องจาก สุภดิช ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรค และเป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ได้มาเชิญชวนให้เข้ามาช่วยกันทำพรรคการเมือง ก่อนหน้านี้ตนเองได้ออกมาแถลงข่าวว่าจะกลับมาทำงานการเมือง แต่เกิดกระแสข่าวว่าตนจะไปอยู่กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง หลังจากนั้นก็ออกมาแถลงว่าไม่ได้มีความคิดที่จะไปอบู่กับพรรคการเมืองนั้น แต่กำลังตัดสินใจทางการเมืองอยู่ว่าจะเข้าเป็นสมาชิกพรรคใด ต่อมาสุภดิช ได้มาชักชวนจึงได้ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ เพราะมีอิสระในการทำนโยบาย และสุภดิชเห็นว่าตนมีชื่อเสียงจึงจะเสนอรายชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมตรีเพียงคนเดียวของพรรค นอกจากนี้ยังสุภดิชยังเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรคด้วย แม้จะไม่ได้ต้อวการเป็นหัวหน้าพรรคแต่ต้น แต่สุภดิชก็ยืนยันว่าตนจะสามารถหาเสียง และทำงานให้พรรคได้ดีกว่า

มิ่งขวัญกล่าวต่อว่า การทำงานในพรรคเศรษฐกิจใหม่จะแบ่งออกเป็น 2 ปีกใหญ่คือ ปีกที่ทำงานด้านการบริหารจัดการภายในพรรค กับปีกที่ทำงานด้านการหาเสียง รณรงค์ และงานเชิงนโยบาย ซึ่งตนดูแลในด้านนี้ ส่วนด้านกิจการภายในนั้นเป็นหน้าที่ของสุภดิช และทีมงาน สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นวานนี้ ตนได้พูดคุยกับ สุภดิช แล้วและเห็นว่าควรจัดแถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสังคมโดยให้สุภดิชเป็นผู้อธิบาย ในฐานะที่ตนได้มอบหมายให้ดูแลงานด้านกิจการพรรคการเมือง

สุภดิช กล่าวว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ เป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาจากกลุ่มเพื่อนเพราะมีความคิดที่ต้องการจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจึงใช้ชื่อว่าพรรคเศรษษฐกิจใหม่ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นทีมงานผู้ก่อตั้งพรรคก็ต่างช่วยกันออก ตนในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค และหัวหน้าพรรคคนแรกได้ตั้งมุ่งในวัตถุประสงค์ของพรรคว่า ต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และตั้งใจมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

สุภดิช กล่าวต่อไปว่าเหตุที่เชิญมิ่งขวัญมาร่วมงานนั้น เป็นเพราะได้พิสูจน์แล้วว่า ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีความจงรักภักดี มีผลงานที่ประสบความสำเร็จทั้งในภาคเอกชน และเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และมีแนวคิดเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐที่ดี

สุภดิช กล่าวต่อไปว่า การทำงานในช่วงหาเสียงของพรรคนั้นเน้นการดำเนินการในรูปแบบใหม่จึงเห้นได้ว่า ป้ายหาเสียงของพรรคมีน้อย เงินสนับสนุนพรรคก็มีอยู่อย่างจำกัด จึงไม่มีการจัดเวทีปราศรัย ไม่มีรถแห่หาเสียง การหาเสียงของพรรคนั้นเกิดจากความชัดเจนในนโยบายเศรษฐกิจ และใช้เวทีสาธารณะในการหาเสียง

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้กรณีที่ผู้สมัคร ไปยื่นให้ยุบพรรคนั้น สุภดิช ระบุว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และยืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่เป็นพรรคที่มีเอกภาพ มีการดำเนินการทางการเมืองโดยยึดมั่นกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน ฉะนั้นชัดเจนว่าพรรคนี้ไม่มีงูเห่า และว่าที่ ส.ส. ของไปพรรคจะไปทางเดียวกันทั้งหมด

“เมื่อวานนี้มีสมาชิกพรรคไปยื่น บอกว่านายมิ่งขวัญไม่ได้จัดให้มีการประชุม และไม่สามารถจัดการประชุมได้ เพราะมีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกมาครอบงำ บงการ และชี้นำพรรค ตอบง่ายๆ นะครับ เรามีการจัดการประชุม ส.ส. และท่านมิ่งขวัญได้รับเชิญมาเป็นผู้อบรม ฉะนั้นสิ่งที่พูดมันไม่ความจริงเลยที่เขาไปยื่นต่อ กกต. และที่มีการกล่าวหาเรื่องครอบงำพรรค มันก็ไม่เป็นความจริง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวอ้างเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา และผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และยังเป็นสมาชิกพรรคด้วย” สุภดิช กล่าว

ประพันธ์ โฆษกพรรคกล่าวต่อว่า  หลังจากที่มีผู้สมัครของพรรคไปยื่นยุบพรรคนั้น หลังจากนั้นบุคคลที่มีรายชื่อเป็นพยานได้ไปยื่น กกต. เพื่อขอถอนชื่ออกจากการเป็นพยานแล้ว เพราะไม่ทราบว่าที่เดินทางมาเมื่อวานนี้จะเป็นการเดินทางมาเพื่อยื่นยุบพรรคตัวเอง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มิ่งขวัญได้ผู้คุยกับผู้สมัครที่ไปยื่นยุบพรรคหรือยัง มิ่งขวัญตอบว่า ตนมีหน้าที่ในการทำงานเชิงนโยบายและหาเสียง หน้าที่ในการบริหารจัดการพรรคเป็นงานอีกปีกหนึ่ง โดยสุภดิช ยืนยันว่า ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ และกำลังปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เนื่องจากผู้ที่ไปยื่นนั้นได้ทำผิดข้อบังคับของพรรค จึงต้องดูกฎหมายก่อนเพื่อจะดำเนินการต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังหรือไม่ มิ่งขวัญระบุว่า ไม่ทราบ ส่วนจะไปตามสืบหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นหน้าที่ของพรรค แต่เป็นหน้าที่ของ กกต. สุภดิช ยืนยันด้วยว่า เวลานี้พรรคไม่มีรอยร้าวใด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ว่า มีกระแสข่าวว่าที่ ส.ส. ของพรรคส่วนหนึ่งต้องไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ อีกส่วนหนึ่งก็ยังยืนยันตามหลักการ มิ่งขวัญระบุว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวถามใหม่ และถามให้ชัดๆ เพื่อที่ตนจะได้ตอบชัดๆ  ผู้สื่อข่าวจึงถามใหม่ว่า จะไปร่วมกับพรรคพลังประรัฐหรือไม่ มิ่งตอบอย่างเน้นเสียงว่า ไม่ร่วม พร้อมระบุว่าพรรคเคยออกแถลงการณ์ไปตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วันแล้ว ว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ เพราะมีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน

“ผมจะพูดช้าๆ ชัดๆ นะครับ ผมไม่ได้มีความรังเกลียด โกรธ ทะเลาะเบาะแว้งกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นคนรู้จักกัน เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกันทั้งวงการ แต่อุดมการณ์ทางการเมืองมันต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน ผมก็บอกว่าไม่ และผมพูดอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น และที่ทุกคนบอกว่าเปลี่ยนแล้ว งูเห่า มีการเจรจา อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ผมก็บอกว่าไม่ ชัดเจนไหม วันนี้ชัดเจนไหม ส่วนวันที่เขาไปให้สัตยาบรรณกัน วันนั้นผมนัดที่จะไปขอดูคะแนนดิบที่ กกต. เรานัดเขาไว้ก่อนถ้าเราไม่ไปก็เสียผู้ใหญ่ นี่ย้อนความเก่าให้ฟังจะได้ชัดเจนกันให้หมด”มิ่งขวัญ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มิ่งขวัญตอบว่าชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามจี้ต่อไปว่า การไม่ร่วมเป็นรัฐบาลแต่สามารถโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคเศรษฐกิจใหม่จะโหวตให้พล.ประยุทธ์ โดยไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ มิ่งขวัญตอบว่า ตนยืนยันว่าไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะไปโหวตให้ได้อย่างไร