Skip to main content
sharethis

ปิยบุตร แสงกนกกุล เผยหากนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากพรรคอันดับ 1 และไม่รับเงื่อนไข 3 ข้อ ถือว่าไม่สง่างาม แต่ถ้าจำเป็นต้องมาเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. สกัดประยุทธ์ ปิดสวิตซ์ ส.ว. อนาคตใหม่ยอมยกมือให้ แต่ไม่ขอร่วมรัฐบาล

27 มี.ค. 2562 วานนี้ (26 มี.ค.) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Wake Up news ช่อง voice TV ระบุว่า ทางพรรคอนาคตใหม่ยืนยันตามหลักการว่า พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส. อันดับที่หนึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตของพรรคก็ควรจะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี

“สาเหตุที่ยืนยันเช่นนี้มาโดยตลอดก็เป็นเพราะนับแต่เราออกจากระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ มาเป็นประชาธิปไตยเต็มใบในปี 2535 มันมีความพยายามที่จะสร้างเรื่องนี้ให้เป็นธรรมเนียมการปกครองของระบบรัฐสภาไทย ตอนเลือกตั้งปี 2538 พรรคชาติไทย ชนะพรรคประชาธิปัตย์ไม่กี่เสียง พรรคประชาธิปัตย์ก็หยุดและให้พรรคชาติไทยตั้งรัฐบาลก่อน ปี 2539 ก็เช่นกันพรรคความหวังใหม่ได้ 125 พรรคประชาธิปัตย์ได้ 123 ห่างกัน 2 เสียง เขาก็ปล่อยให้พรรคความหวังใหม่ตั้งรัฐบาล แต่ในเวลานี้ห่างกันเกิน 20 เสียง ซึ่งผมคิดว่าไม่ควรล้มเลิกธรรมเนียมนี้” ปิยบุตร กล่าว

ส่วนการอ้างว่ามีคะแนนป๊อปปูล่าโหวตมากกว่านั้น ปิยบุตร มองว่า เป็นการหาวิธีการในการอธิบายเพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยปกครองโดยระบบรัฐสภา เป็นประชาธิปไตยแบบผู้แทน ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีจะมาจากเสียงข้างมากในสภา กรณีที่จะนำคะแนนป๊อปปูล่าโหวตมาคิดคำนวน แปลว่าจะออกแบบระบบการเลือกตั้งให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง อย่างไรก็ตามทั้งเรื่องการที่พรรคที่ได้อันดับ 1 ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน นั้นไม่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย แต่นักกฎหมายของประเทศนี้เวลาจะอ้างกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเอง

ปิยบุตร กล่าวต่อว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเองก็ต้องมาจากพรรคการเมืองที่ได้ได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. อันดับหนึ่ง เพราะประธานสภาจะต้องเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้สมาชิกโหวตให้ความเห็นชอบ

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งมากที่สุด แต่การเลือกนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่ใช่เพราะมีเสียง 250 ส.ว. อยู่ ปิยบุตร กลล่าวว่ามีความเป็นไปได้เสมอที่นายกรัฐมนตรีกับประธานรัฐสภาอาจจะมาจากคนละพรรคการเมือง แต่อย่างไรก็ตามประธานรัฐสภาก็อาจจะมาจากเสียงข้างมากของอีกฝั่งหนึ่งก็ได้ ซึ่งนี่คือปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ร่างมาเพื่อนำไปสู่ทางตัน และเมื่อการบังคับใช้จริงปัญหาต่างๆ ก็จะยิ่งปรากฎชัดมากขั้น

เมื่อถามว่าหากรัฐธรรมนูญนำไปสู่ทางตันคิดว่าควรปล่อยให้ พลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลเลยหรือไม่ ปิยบุตร กล่าวว่า การปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจะยิ่งทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่างน้อยที่สุดพรรคอนาคตใหม่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ว่า เราจะหยุดการสืบทอดอำนาจ คสช. และหากสุดท้ายไม่สามารถหยุดได้ก็จะทำให้ประชาชนเห็นว่า การหยุดไม่ได้นั้นเป็นเพราะ กลไกในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ออกแบบมี ส.ว. มารอไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามถึงเงื่อนไข 3 ข้อในการร่วมรัฐบาลนั้น นอกจากจะร่วมกับเพื่อไทยได้แล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะร่วมกับพรรคอื่นได้ยาก ปิยุบุตร กล่าวว่า ข้อเสนอหรือเงื่อนไขของพรรคข้อแรกคือ การแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ข้อที่สองคือ จัดการบรรดาประกาศคำสั่งของ คสช. ซึ่งหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือการปลดมาตราสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ 2560 ออก เพราะเป็นมาตราที่คุ้มครองประกาศคำสั่ง คสช. ไว้ และข้อสุดท้ายต้องปฏิรูปกองทัพ

“เราเสนอเรื่องเหล่านี้เพราะเราต้องการยกมาตรฐานการเมืองไทยขึ้นมาใหม่ การรวมเป็นรัฐบาลไม่ได้เกิดมาจาการเจรจาเก้าอี้รัฐมนตรี ที่ผ่านมานั่งคุยกันปิดห้องนั่งคุยกันในเซฟเฮาท์ต่างๆ ไปตกลงกันว่าใครจะได้กระทรวงไหน เราต้องการเปลี่ยนมาตรฐานนี้ คือพยายามใช้เงื่อนไขการตั้งรัฐบาลที่เราเข้าไปร่วมเพราะเราต้องการทำอะไร เอาเรื่องนี้เป็นตัวตั้ง แล้วมันไปต่อไม่ได้ก็พร้อมที่จะออก” ปิยบุตร กล่าว

ปิยบุตร กล่าวต่อว่า 3 เงื่อนไขนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่รุนแรงแต่อย่างใด และถือเป็นเรื่องปกติ หากยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นประตูแรกที่เราพยายามเอาประชาธิปไตยกลับมาก็ต้องทำ 3 เรื่องนี้ หากไม่ทำ 3 เรื่องประเทศไทยก็จะกลายเป็นระบอบเผด็จการครึ่งใบที่บังเอิญมี ส.ส. มาจากการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่ามีข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะชูอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นปัญหาต่อการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ปิยบุตร กล่าวว่า หลักการเบื้องที่ยืนยันชัดเจนคือ ต้องให้พรรคการเมืองอันดับหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี หากผิดเป็นจากเงื่อนไขนี้พรรคอื่นๆ ก็จะอ้างได้ว่า ขอตั้งรัฐบาลบ้างได้ และในแง่หนึ่งก็ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองที่ได้เสียง 50 กว่าเสียงการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สง่างาม

“เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเงื่อนไขของเรา 3 ข้อ นี่เป็นมาตรฐานขั้นต่ำเพราะพรรคอนาคตใหม่ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้ประตูบานแรกในการเริ่มต้นเอาประชาธิปไตยกลับมาให้ได้ หากไม่ทำวันนี้เสียงที่เราได้มา 5.8 ล้านเสียง เราทรยศกับเขาแล้ว”

เมื่อถามต่อว่า เงื่อนไขนี้อาจจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้ ปิยบุตร ตอบว่า เมื่อถึงที่สุดได้เจรจาการแล้ว ไม่สามารถที่จะให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองอันดับหนึ่งได้ แต่พรรคอื่นจะขึ้นมาเพื่อที่จะหยุดยั้งอำนาจ คสช. หรือหยุดเพื่อไม่ให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ พรรคอนาคตใหม่ก็จะยกมือให้ แต่ไม่ร่วมรัฐบาลด้วย เนื่องจากไม่ได้ทำตามเงื่อนไขทั้งหมด 3 ข้อ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net