สุดารัตน์ แจงยกเลิกทหารเกณฑ์ตัดงบกองทัพ ต้องการทำเพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ ถามกลับ ผบ.ทบ. ต้องเพิ่มงบกลาโหมหรือ ถึงจะไม่หนักแผ่นดิน ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซัด พล.อ.อภิรัชต์ ควรไปฟังหนักแผ่นดินเสียเอง เพราะเทียบกับตนแล้วก็แค่เด็กเมื่อวานซืน
18 ก.พ. 2562 หลังจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีที่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการตัดงบประมาณกองทัพ 10 เปอร์เซ็นต์และเสนอให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งพล.อ.อภิรัชต์ ได้ตอบสั้นๆ ว่าให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ขณะเดียวกันก็ได้สั่งการไปยังค่ายทหารทุกแห่งให้เปิดเพลงนี้ให้กำลังพลได้ฟังเพื่อสร้างความรักชาติ และความจงรักภักดี
ล่าสุด สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟสบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยระบว่า รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ที่มีท่าทีอ่อนน้อมอย่างยิ่งกับคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งมีที่มาจากการรัฐประหาร แต่กลับแข็งกร้าวกับผู้ที่เสนอตัวเป็นตัวแทนประชาชนตามครรลองประชาธิปไตย ทั้งที่สถานะของ ผบ.ทบ. ควรวางตัวเป็นกลาง
“ถ้าจะต้องให้บอกว่า จะเพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมจากแสนกว่าล้านบาทเป็นสองแสนกว่าล้านบาท แบบที่รัฐบาลนี้ทำ จึงจะเป็นคนไม่หนักแผ่นดินในสายตา ผบ.ทบ.” สุดารัตน์ ระบุ
เธอ ยืนยันในความถูกต้องด้วยว่า ที่ได้เสนอขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กับปัญหาปากท้อง และในเวลานี้ยังไม่ปรากฏภัยคุกคามทางความมั่นคงของประเทศ ถึงขั้นจะต้องใช้กำลังคนและ อาวุธยุทโธปกรณ์มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
“ดิฉันขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่ง เผื่อผู้มีอำนาจจะฟังบ้าง เราเสนอให้ลดงบประมาณลงเพียง 10% ในส่วนที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้ออย่างมากมายในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อย่างทุกวันนี้ เราชวนกลาโหมให้มาช่วยกันสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ และประชาชนคนตัวเล็ก ๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและตำแหน่งงานน้อยลง งานหายากขึ้น และคนจะตกงานมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากภาวะเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบต่ออาชีพต่าง ๆ ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยและเด็กรุ่นใหม่ของเรา” สุดารัตน์ ระบุ
เธอชี้แจงต่อว่า งบประมาณที่ขอแบ่งมา 10% นี้เป็นจำนวน เพียง 20,000 ล้านบาท จากงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด กว่า 200,000 ล้านบาท จะเอามาช่วยคนรุ่นใหม่ให้มีอาชีพ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเด็กรุ่นใหม่ และประชาชนได้ มากกว่า30,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นการให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มาเป็นกำลังในการผลิตและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ทหารและงบประมาณทหารมีความจำเป็น แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและใช้ให้มีประสิทธิภาพต่อการพัฒนากำลังพลและศักยภาพของกองทัพ อีกทั้งการเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้ใช้ระบบสมัครใจเข้ารับราชการ จะเป็นการพัฒนาบุคลากรที่เข้ารับราชการทหารเพราะได้เข้ามาด้วยความเต็มใจก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะใช้งบประมาณน้อยกว่า
“เรายืนยันว่างบประมาณส่วนที่ขอแบ่งมาจากงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพียง 10% นี้จะไม่กระทบต่อการดูแลรายได้ และสวัสดิการของกำลังพล ตรงกันข้ามเรากลับมองว่า เราควรจะสนับสนุนในการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สมกับความเสียสละของเขาที่ถือเป็นเหล่าทหารกล้า โดยส่วนตัวดิฉันชื่นชมทหารที่เป็นทหารอาชีพ เพราะเขาเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสนับสนุนให้ทหารอาชีพเหล่านี้ได้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ดิฉันไม่ชื่นชมทหารที่มาทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน” สุดารัตน์ ระบุ
ด้าน CH7 news รายงานด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า ทหารเกณฑ์ก็ยังต้องมีอยู่ แต่ควรต้องเป็นระบบสมัครใจเข้ารับการเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นก็จะมีเรื่องของการทุจริตตามมา หรือนำทหารเกณฑ์ไปรับใช้ที่บ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทั้งในและนอกราชการ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังได้กล่าวอีกว่า ขอให้พล.อ.อภิรัชต์กลับไปฟังเพลงหนักแผ่นดินแทน พล.อ.อภิรัชต์เทียบกับตนแล้วเป็นเพียงเด็กเมื่อวานซืน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)