องค์กรสิทธิมนุษยชนกว่า 70 องค์กรทั้งไทยและต่างประเทศ ออกแถลงการณ์กรณี ทางการไทยประหารชีวิต “มิก หลงจิ” ระบุว่าอาจเป็นความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม อันเกิดจากข้อบกพร่องของตำรวจ ขอทางการไทยทบทวน ว่าเกิดความผิดพลาดหรือไม่
(แฟ้มภาพ)
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมขององค์กรสิทธิมนุษยชนกว่า 70 องค์กรทั้งไทยและต่างประเทศ กรณี ทางการไทยประหารชีวิต ธีรศักดิ์ หรือ “มิก หลงจิ” เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าอาจเป็นความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม อันเกิดจากข้อบกพร่องของตำรวจ
โดยเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ทบทวนกรณีของธีรศักดิ์ โดยทันทีเพื่อวินิจฉัยว่าได้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรมขึ้นหรือไม่ และถ้ามี ให้มีการขอโทษต่อครอบครัวของธีรศักดิ์โดยทันที เรียกร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และรัฐบาลไทย ให้สอบสวนโดยทันทีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจโดย พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง และทีมงานที่ทำคดีการสังหาร ดนุเดช สุขมาก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 เนื่องจากส่งผลให้เกิดการประหารชีวิต ธีรศักดิ์
แถลงการณ์ยังเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีอาญา ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นมืออาชีพ เต็มความสามารถและไม่ปลอดจากการทุจริต ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินการพักการประหารชีวิตและยกเลิกโทษประหารในประเทศไทยโดยทันที
รายละเอียดของแถลงการณ์มีดังนี้ :
การประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561 ในประเทศไทย อาจเป็นความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม อันเกิดจากข้อบกพร่องของตำรวจ
ยกเลิกโทษประหาร
พวกเราซึ่งเป็นกลุ่มและองค์กรที่มีรายนามด้านล่างเสียใจอย่างยิ่งกับการประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิ ที่เกิดขึ้น “อย่างเป็นความลับ” เมื่อเร็ว ๆ นี้ นับเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2552 (Bangkok Post, 18/6/2559) และจากการพิจารณารายงานของสื่อมวลชนเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า ได้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พักการประหารชีวิตในทางปฏิบัติมานับแต่ปี 2552 และในเวลาอีกประมาณหนึ่งปีเมื่อไม่ได้มีการประหารชีวิตเกินกว่า 10 ปี ประเทศไทยย่อมมีสถานะเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารในทางปฏิบัติ ธีรศักดิ์ หลงจิ อายุ 26 ปี ถูกประหารที่เรือนจำกลางบางขวาง กรุงเทพฯ ด้วยการฉีดยาในข้อหาฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณ เขาถูกกล่าวหาและถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้มีดจ้วงแทงดนุเดช สุขมาก นักเรียนมัธยมวัย 17 ปี ถึง 24 ครั้ง ก่อนจะขโมยสมาร์ทโฟนและกระเป๋าสตางค์ของเขาไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ธีรศักดิ์ยืนยันมาตลอดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เคยรับสารภาพ
ในปัจจุบันได้เกิดข้อกังวลอย่างจริงจังว่า ธีรศักดิ์ หลงจิอาจถูกประหารจากกระบวนการที่ผิดพลาดเช่นเดียวกับกรณีของเจียงเกาจิง ที่ถูกประหารในไต้หวันเมื่อปี 2540 ในข้อหาละเมิดทางเพศและสังหารเด็กผู้หญิงอายุห้าขวบในปี 2554 กระทรวงยุติธรรมของไต้หวันยอมรับว่าการประหารชีวิตเจียงเกิดจากกระบวนการที่ผิดพลาด
“ไม่มีระบบยุติธรรมทางอาญาใดที่สมบูรณ์พร้อม ถ้าเราประหารชีวิตบุคคล และอีกหลายปีต่อมา เราพบว่าคนร้ายเป็นอีกคนหนึ่ง เราจะทำอย่างไรล่ะ?” ดาโต๊ะเสรี นาซรี อับดุล อาซิซ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในขณะนั้น
ความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม
ในปัจจุบันมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการสอบสวนและการดำเนินคดีนี้ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเกิดการปกปิดความจริงและ “การทุจริต” ขึ้นเนื่องจากตำรวจยอมรับว่ายังจับตัวคนร้ายอีกคนหนึ่งไม่ได้ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยต่อ “พยานสำคัญ” ที่ใช้เป็นหลักฐานในการประหารชีวิตธีรศักดิ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ก่อนจะมีการจับกุมคนร้ายในคดีนี้ได้ทั้งหมดและถูกนำมาไต่สวน หากมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนอื่นได้ อาจนำมาสู่ข้อพิสูจน์ว่า ธีรศักดิ์ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด นอกจากนั้นพยานอีกคนหนึ่งยังปรากฏตัว และยืนยันว่าธีรศักดิ์เป็นผู้บริสุทธิ์
การสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจและการดำเนินคดีควรถูกตั้งคำถามหรือไม่?
รายงานของสื่อ (Khaosod English,22/6/2018) ระบุว่า “พ่อแม่ของผู้ตายบอกว่า พวกเขาได้เรียกร้องตำรวจมาเป็นเวลาหลายปีให้ตามหาตัวคนร้ายอีกคนหนึ่ง แต่พ่อแม่บอกว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้ความใส่ใจและบอกให้ทางครอบครัวไปรวบรวมพยานหลักฐานเอาเอง” เมื่อเร็ว ๆ นี้ตำรวจยืนยันเองว่ายังมีคนร้ายอีกคนหนึ่ง
ตำรวจได้แถลงเมื่อวันพุธที่ 20 มิถุนายน 2561 ว่ากำลังอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่ง “เรายังคงสอบสวนเรื่องนี้ต่อไปเพื่อจับตัวคนร้ายอีกคนหนึ่ง” พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2561 (Khaosod English, 22/6/2018) มีรายงานว่าพ.ต.ท.ประเสริฐระบุว่าธีรศักดิ์ไม่เคยให้การรับสารภาพ ทัศนคติและการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยในคดีนี้ ย่อมถูกตั้งคำถามอย่างแน่นอน ตำรวจมีหน้าที่อำนวยการให้เกิดการสืบสวนสอบสวนอย่างรอบด้านโดยไม่ให้เกิดข้อสงสัยใดๆ ในการค้นหาความจริง เพื่อประกันว่าจะมีการนำตัวคนร้ายที่แท้จริงเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ด้วยเหตุดังกล่าว พฤติการณ์ของพ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสงและเจ้าพนักงานซึ่งทำหน้าที่สอบสวนและฟ้องคดีนี้ทำให้เราผิดหวัง ถึงขั้นที่ตำรวจบอกให้พ่อแม่ของผู้ตายไป “รวบรวมพยานหลักฐานเอาเอง” ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ในการสอบสวนของตำรวจถือเป็นการกระทำอย่างไม่เป็นมืออาชีพ
ยังมีรายงานในสื่ออีกด้วยว่า “…จากข้อมูลของพ.ต.ท.ประเสริฐ ตำรวจสามารถขอหมายจับจากศาลเพื่อจับกุมธีรศักดิ์ ซึ่งเคยมีประวัติกระทำความผิดด้านยาเสพติดและอาวุธหลายกรณี โดยสามารถออกหมายจับได้เพียงหนึ่งวันหลังการฆาตกรรมโดยใช้ปากคำของพยานที่หนักแน่น และตำรวจได้จับกุมเขาในวันต่อมา ตำรวจบอกด้วยว่าธีรศักดิ์ไม่เคยให้การรับสารภาพ…” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าตำรวจและพนักงานอัยการ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้อย่างเหมาะสมหรือไม่ ตำรวจและอัยการติดอยู่ในกรอบความคิดแคบ ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายที่แท้จริงในคดีนี้ใช่หรือไม่? เป็นไปได้หรือไม่ที่ตำรวจปิดกั้นโอกาสในการสอบสวนผู้ต้องสงสัยรายอื่น และกลับให้ความสำคัญตามความเชื่ออย่างจริงจังว่าธีรศักดิ์เป็นคนร้าย โดยไม่ใส่ใจจะติดตามตัวผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่ง หรือโดยไม่คำนึงว่ามีความเป็นไปได้ที่คนอื่นนอกจากธีรศักดิ์จะเป็นคนร้ายในคดีนี้? กรอบคิดที่คับแคบเช่นนี้ของตำรวจและพนักงานอัยการ เป็นสิ่งที่ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรมในหลายกรณีมาแล้ว ทั้งยังเป็นเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต
การที่บุคคลเคยมีประวัติกระทำความผิดไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะกระทำความผิดครั้งใหม่ ประวัติการถูกตัดสินลงโทษอาจมีผลในการกำหนดโทษ แต่ไม่ควรเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงานต่อความผิดที่เกิดขึ้นใหม่การด่วนสรุปและการปิดกั้นโอกาสอย่างอื่นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมากสุด โดยอาจส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกลงโทษ หรืออาจต้องสูญเสียชีวิต
การประหารชีวิตธีรศักดิ์เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
ได้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดของธีรศักดิ์ เนื่องจากพยานใหม่ให้ความเห็นตามรายงานของสื่อว่า “…พยานได้ให้ความเห็นทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าเขากับเพื่อนอีกคนหนึ่งเห็นวัยรุ่นอีกสองคนจ้วงแทงวัยรุ่นอีกคนหนึ่งอย่างไม่ยั้ง ระหว่างที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านจุดเกิดเหตุ เขาได้จอดรถเพื่อหยุดดูสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องหลบหนีจากคนร้าย เขาบอกว่าธีรศักดิ์ซึ่งเป็นคนที่เขารู้จักไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในขณะนั้น
ต่อมาเขาเห็นธีรศักดิ์กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ มุ่งหน้ามาบริเวณที่เกิดเหตุจากทิศทางในตรงข้าม เขายังเตือนให้ธีรศักดิ์อย่าเข้าไปข้างใน…” (Khaosod English, 22/6/2018)
แม้ว่าธีรศักดิ์มีความผิดจริง ย่อมถือได้ว่าเขาเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ กรณีที่จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการสังหารครั้งนี้ การประหารชีวิตพยานสำคัญที่เหลืออยู่เช่นนี้ ก่อนจะมีการจับกุม ตั้งข้อหาและไต่สวนผู้ต้องสงสัยคนอื่น ย่อมไม่ส่งผลให้ผู้ตายได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคนร้ายตัวจริงอาจลอยนวลพ้นผิด เนื่องจากเจ้าพนักงานไม่สามารถอ้างอิงปากคำของธีรศักดิ์เป็นหลักฐานได้แล้ว จึงทำให้เกิดข้อสงสัยต่อการเร่งรีบประหารชีวิตธีรศักดิ์ว่า อาจมีแรงจูงใจอย่างอื่นเพื่อปกป้องคนร้ายคนอื่น
ครอบครัวไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการประหารชีวิตธีรศักดิ์
มีรายงานว่า ขนิษตา หลงจิ อายุ 20 ปี น้องสาวของธีรศักดิ์บอกว่า ‘…ทางครอบครัวไม่ได้รับแจ้งก่อนจะมีการประหารชีวิตธีรศักดิ์จนกระทั่งหลังจากการประหารชีวิตเกิดขึ้นแล้ว…”หนูไม่เข้าใจ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเลยว่าพี่จะถูกประหาร…ในความเป็นจริง ทางครอบครัวควรได้รับแจ้งก่อนจะมีการประหารชีวิต…เพื่อให้ญาติสามารถล่ำลาผู้ที่จะถูกประหารได้” ขนิษตาบอกว่า ทางครอบครัววางแผนจะไปเยี่ยมเขาในวันอังคาร เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้พี่ชายเขียนจดหมายมาขอเงิน 2,000 บาท’ (Khaosod English, 19/6/2018)
ถือเป็นการใช้อำนาจอย่างไม่เกรงกลัวใคร โดยครอบครัวและบุคคลผู้ใกล้ชิดกับผู้ที่กำลังจะถูกประหาร ไม่ได้รับโอกาสที่จะมีเวลาอยู่ร่วมกันก่อนการประหารชีวิต การประหารชีวิต ‘แบบลับ’ เช่นนี้ยังขัดขวางไม่ให้สามารถดำเนินการในขั้นสุดท้ายใด ๆ เพื่อป้องกันความตายของนักโทษประหารได้ ในกรณีนี้ เมื่อมีการเปิดเผยรายละเอียดเสียชีวิตต่อสื่อมวลชน ได้ส่งผลให้พยานออกมาให้ปากคำยืนยันความบริสุทธิ์ของธีรศักดิ์ ซึ่งหากทางการเปิดเผยข้อมูลว่าจะมีการประหารชีวิตก่อนหน้านี้ ธีรศักดิ์อาจไม่ถูกประหารก็ได้ เนื่องจากมีพยานใหม่ปรากฏตัวขึ้น ข้อบกพร่องของตำรวจในการสอบปากคำพยานคนนี้ ในระหว่างการสอบสวนคดี เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการไร้ความสามารถ หรือท่าทีที่เฉื่อยชาในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา
เราจึง
เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ทบทวนกรณีของธีรศักดิ์ หลงจิซึ่งถูกประหารในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 โดยทันทีเพื่อวินิจฉัยว่าได้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรมขึ้นหรือไม่ และถ้ามี ให้มีการขอโทษต่อครอบครัวของธีรศักดิ์โดยทันที
เรียกร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและรัฐบาลไทย ให้สอบสวนโดยทันทีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจโดยพ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสงและทีมงานที่ทำคดีการสังหารดนุเดช สุขมาก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 เนื่องจากส่งผลให้เกิดการประหารชีวิตธีรศักดิ์ หลงจิ
เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีอาญา ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นมืออาชีพ เต็มความสามารถและไม่ปลอดจากการทุจริต ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดพลาดด้านกระบวนการยุติธรรม
เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินการพักการประหารชีวิตและยกเลิกโทษประหารในประเทศไทยโดยทันที
องค์กรที่ลงชื่อสนับสนุนแถลงการณ์นี้
ALIRAN, Malaysia
Australians Against Capital Punishment (AACP)
Association of Human Rights Defenders and Promoters- HRDP, Myanmar
ATRAHDOM Guatemala
Banglar Manabadhikar Suraksha Mancha (MASUM), India
Brandywine Peace Community
Catholic Mobilizing Network, US
CAW (Committee for Asian Women)
Center for Orang Asli Concerns (COAC), Malaysia
Center for Prisoners’ Rights, Japan
Christian Development Alternative (CDA), Bangladesh
CRCF -Cross Cultural Foundation, Thailand
Democratic Commission for Human Development, Pakistan
ECPM (Together against the Death Penalty [Ensemble contre la peine de
mort]), France
End Solitary Santa Cruz County, CA, USA
Farmworker Association of Florida, Inc.
FIDU – Federazione Italiana Diritti Umani(Italian Federation for Human
Rights)
German Coalition to Abolish the Death Penalty (GCADP)
Global Women’s Strike, UK
Global Women’s Strike, USA
GoodElectronics Thailand
Haiti Action Committee
Hands off Cain
Hearty Support Group กลุ่มด้วยใจ
Health and Opportunity Network (HON), Thailand
เครือข่ายสุขภาพและโอกาส
Human Rights Coalition
Human Rights Coalition, Philadelphia, USA
HRC Fed Up Pittsburgh, USA
Human Rights and Democracy Media Center “SHAMS”, Palestine
IDEAL( Institute for Development of Alternative Living), Malaysia
Imparsial The Indonesian Human Right Monitor
International Concerned Family and Friends of Mumia Abu-Jamal
Legal Action for Women, United Kingdom
Legal Awareness Watch(LAW), Pakistan
Let’s Get Free/Pittsburgh
MADPET(Malaysians Against Death Penalty and Torture)
Malaysian Physicians for Social Responsibility.(MPSR)
Manushya Foundation, Thailand
MAP Foundation (Thailand)
Margaret Prescod, Pacifica Radio host
Marvi Rural Development Organization- MRDO, Pakistan
Migrant Care, Indonesia
MLK Coalition of Greater Los Angeles, USA
Mumia Abu-Jamal
National Union of Transport Equipment & Allied Industries Workers
(NUTEAIW)
North South Initiative
Odhikar, Bangladesh
Parti Rakyat Malaysia(PRM)
Payday – USA
Payday Men’s Network
People’s Empowerment Foundation (PEF), Thailand
มูลนิธิศักยภาพชุมชน
Persatuan Komuniti Prihatin Selangor, KL & Perak (Malaysia)
Programme Against Custodial Torture and Impunity (PACTI), India
Raging Grannies
Rescue Alternatives Liberia (RAL)
Sikhoraphum Youth Group ,Thailand
กลุ่มเยาวชนศีขรภูมิ
Singapore Anti Death Penalty Campaign (SADPC)
Step Ahead Foundation, Thailand
มูลนิธิก้าวหน้าพัฒนา
TEA Togetherness for Equality and Action, Thailand
Tenaganita, Malaysia
Teoh Beng Hock trust for Democracy
The Duay Jai (Hearty Support) Group, Thailand
The Julian Wagner Memorial Fund (JWMF), Australia
The MOVE Organization (Family Africa)
The Sunny Center Foundation, New York
Think Centre, Singapore
Topanga Peace Alliance, USA
UCL – Union for Civil liberty, Thailand
Witness to Innocence
Women in Media,
Women of Color, UK
Women of Color, USA
Workers Assistance Center, Inc., Philippines
Workers Hub For Change(WH4C)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)