Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2561 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเผยแพร่แถลงการณ์ของเครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับการบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ทหารที่สร้างความตกใจให้นักเรียน ครู ผู้ปกครองอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่มีหมายค้นหรือเอกสารชี้แจงใด ทางผู้บริหารโรงเรียนยืนยันยินดีให้ตรวจสอบคอร์รัปชันแต่ควรทำตามกระบวนการปกติ มีความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ

รายละเอียดมีดังนี้

แถลงการณ์

เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา
Private Islamic Schools Association of Songkhla Province(PISA)
(ภายใต้สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา)
ยืนยันตรวจสอบคอร์รัปชันได้ แต่ต้องโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ
แนะให้หน่วยงานพลเรือนดำเนินการ ลดอคติและภาพลักษณ์ทางลบ …………………………………………………………………………….

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เวลา 9:07-13:40 น.โดยประมาณ มีเจ้าหน้าที่นำโดย ร.ท.ชัยยันต์ อาพันแดง ฝ่ายข่าว ฉก. ปัตตานี ร่วมกับ พ.ต.ต.พิทักษ์ ใจสมุทร รอง หน. บก. ฉก. พร้อมเจ้าหน้าที่แต่งกายชุดสีดำ (จำนวน 15 - 20 คน) และมีอักษรเขียนว่า CSI ที่เสื้อ มาที่โรงเรียนอนุสรณ์เตรียมปัญญา ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งในขณะนั้นมีนักเรียนจำนวนมาก มีทั้งนักเรียนอนุบาลและนักเรียนประถมปีที่ 6 รวมถึงบุคคลากรครูที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและครูผู้ชาย 4 คน เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงนายอับดลเลาะ แมเราะ ผู้บริหารโรงเรียนเชิญเข้าไปในห้องประชุมและกล่าวตอนรับตามธรรมเนียมเจ้าของบ้าน หลังจากนั้นก็ให้หัวหน้าคณะที่มาได้บอกถึงวัตถุประสงค์การเข้ามาในครั้งนี้ (หลังจากนั้นนายอับดลเลาะ แมเราะ ขอดูคำสั่งในการเข้ามาตรวจในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่า ผู้ว่าฯ ยังไม่ได้เซ็นต์คำสั่ง) เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไปเจอใบเสร็จชื่อโรงเรียนไปซื้อของร้านเจ๊ะกูฟาตอนี นายอับดลเลาะ แมเราะ ตอบว่าไม่เคยไปและไม่รู้จักร้านเจ๊ะกูฟาตอนี เจ้าหน้าที่จึงตรวจเอกสารทั้งหมดของโรงเรียน ทั้งเอกสารการเงิน การเรียนฟรีของนักเรียน อาหารกลางวันและอื่นๆ (สำหรับกรณีใบเสร็จนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าใบเสร็จที่พบซื้อของกับร้านเจ๊ะกูฟาตอนีนั้นซื้ออุปกรณ์อะไร ราคาเท่าไร ทางเจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่มีและได้บอกว่านายอับดลเลาะ แมเราะเป็นหุ้นส่วน แต่นายอับดลเลาะปฏิเสธและแจ้งว่าจะเป็นหุ้นส่วนได้อย่างไร เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก ทำให้โรงเรียนเสียหายและกลายเป็นโรงเรียนเป้าหมายในด้านความมั่งคง ทำให้บุคลากรทุกคนกลัวและไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว)

จากผลการตรวจค้นโรงเรียนในลักษณะดังกล่าว ทำให้โรงเรียนและบุคคลากรตกเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไม่มีกระบวนการที่ถูกต้อง ส่งผลให้ทางโรงเรียนถูกมองจากผู้ปกครองว่ามีการกระทำผิด ผู้ปกครองโทรมาสอบถามทุกวันและไม่มีความมั่นใจในโรงเรียน เนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาทำให้ทางโรงเรียนไม่สามารถอธิบายทำความเข้าใจให้กับผู้ปกครองให้กระจ่างได้ เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาไม่สามารถแสดงหลักฐาน หนังสือหรือทำให้ผู้บริหารโรงเรียนมั่นใจว่าจะถูกดำเนินการจากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเป็นธรรมและปราศจากอคติ

การตรวจค้นดังกล่าวอาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของโรงเรียน ขณะเดียวกันนั้นครูและนักเรียนมีความหวาดกลัว เสียขวัญ ครูผู้ชายกังวลถึงความปลอดภัยของตนเองจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งเหตุการณ์ตรวจค้นโรงเรียนบากงวิทยาและโรงเรียนประสานวิทยา จังหวัดปัตตานีตามที่เป็นข่าวในสื่อไทยและในสื่อต่างประเทศโดยในบันทึกหลังการตรวจค้นพบว่าใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ลงวันที่1 เมษายน 2558 เพื่อทำการตรวจค้น/ตรวจยึดเอกสารเพื่อ สอบการทุจริตโรงเรียน โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้

ทางเครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาคือ จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย ซึ่งอยู่ภายใต้สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา ขอแสดงจุดยืนและข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้

  1. ขอแสดงจุดยืนเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชันและเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นการบริหารกิจการที่สำคัญต่อการพัฒนาชีวิตของเด็กและเยาวชน การคอร์รัปชันทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  2. กรณีตรวจค้นโรงเรียนอนุสรณ์เตรียมปัญญานั้นใช้อำนาจใดและมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่อย่างไร หากผลการดำเนินของเจ้าหน้าที่มีผลกระทบต่อโรงเรียนซึ่งอาจเป็นการกระทำทางปกครองที่ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร การกระทำที่เกินกว่าอำนาจ ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่กระทำแสดงความรับผิดชอบผ่านสื่อ พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนทั้งทางวินัยและอาญา อีกทั้งคืนเอกสารสำคัญของโรงเรียนทั้งหมดทันที
  3. การใช้อำนาจมาตรา 44 และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558  หรือแม้กระทั่งคำสั่งที่ 35/2561 ของหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ตามคำสั่ง กอ.รมน.ที่ 236/2561 ถือเป็นคำสั่งที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการการศึกษาของโรงเรียน โดยเป็นการเลือกตรวจสอบแต่เฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยการนำกำลังทหารที่อาจติดอาวุธเข้าไปในสถานศึกษาเพื่อขอตรวจค้นเอกสารในลักษณะจู่โจม ใช้กำลังคนจำนวนมาก ทำให้สถานศึกษาเสียภาพลักษณ์ บุคคลากรทางการศึกษาและนักเรียนมีหวาดกลัวและรบกวนการเรียนการสอน อาจถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  4. การตรวจสอบการคอร์รัปชันในกิจการของโรงเรียนหรือสถานศึกษาเป็นหน้าที่และบทบาทของหน่วยงานพลเรือนมาโดยตลอด แต่การนำกองกำลังทหารเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวอาจเป็นการทำให้โรงเรียนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเกินความจำเป็นเพราะหน่วยงานพลเรือนย่อมมีความเข้าใจในการบริหารจัดการการศึกษาได้อย่างเป็นระบบ การใช้การทหารนำกิจการพลเรือนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ส่งผลให้เกิดความรุนแรงยืดเยื้อยาวนาน
  5. เครือข่ายมีความยินดีในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบโรงเรียนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์และโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโดยยึดหลักในนิติธรรม นิติรัฐ ไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา และเครือข่ายขอแสดงเจตจำนงในการปกป้องสิทธิความเป็นพลเมืองไทย

ข้อเสนอแนะ

1. ขอให้ตรวจสอบจากต้นสังกัดโดยตรงและมีการพิจารณาร่วมกันกับต้นสังกัด กรณีมีข้อมูลหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการคอร์รัปชัน โดยจัดให้มีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการที่จัดขึ้นร่วมกันและให้หน่วยงานพลเรือนเป็นผู้กำกับดูแล

2. ขอให้มาตรการดังกล่าวดำเนินการโดยโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติต่อโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเท่านั้น การดำเนินการตรวจสอบตามข้อสงสัยของทางทหารมักขาดซึ่งการตรวจสอบถ่วงดุลจากหน่วยงานอื่นๆ มักเป็นการพิจารณาเป็นการภายในหรือเป็นไปในทางลับ หากแต่การดำเนินการต่อสถานศึกษานั้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียน ต่อครู ต่อผู้ปกครองและนักเรียน และชุมชนสังคมในวงกว้าง การกระทำโดยฝ่ายทหารที่ไม่โปร่งใสอาจทำประชาชนท้องถิ่นเข้าใจไปได้ว่า ทางทหารโดย กอ.รมน.เลือกปฏิบัติและยังผลต่อความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อการตรวจสอบดังกล่าว

3. รัฐควรตรวจสอบจากเงินอุดหนุนนักเรียนทุกสังกัดด้วยการใช้โปรแกรมเดียวที่สามารถเชื่อมและตัดยอดได้ทุกเดือนของทุกหน่วยงานที่จัดการศึกษาของรัฐให้การสนับสนุน

4. แต่งตั้งคณะทำงานพิเศษเกี่ยวกับการบริหารหลักสูตรการเรียนการสอนศาสนาสามัญ การบรรจุบุคลากรศาสนาสามัญ การพิจารณาเงินอุดหนุนตามความเป็นจริงและเหมาะต่อพื้นที่และลักษณะพิเศษของโรงเรียนเพื่อแก้ปัญหาด้านนิตินัยและพฤตินัยและอื่นๆ

5. การใช้อำนาจกฎหมายพิเศษ เช่น กฎอัยการศึก น่าจะใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็น สำหรับพื้นที่เป็นพื้นที่การประกาศกฎอัยการศึกก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกในทุกเรื่อง ถ้าเป็นกรณีการแก้ปัญหาเรื่องทุจริตในสถานศึกษาควรจะใช้กฎหมายปกติ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงโดยตรง และเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายก็น่าจะสนับสนุนให้ใช้หมายค้น และขอให้มีการปรับเปลี่ยนท่าทีและทัศนคติที่ดูเหมือนกับการข่มขู่คุกคาม

6. จัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้จากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาที่สอดคล้องกับพื้นที่และมีมาตรฐานสากล


เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา

28 รอมฎอน ฮ.ศ. 1439
วันที่ 13 มิถุนายน 2561

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net