Skip to main content
sharethis
นูร์ วาซัมอี เป็นครูสอนศาสนาอิสลามเชื้อสายโซมาเลียที่เคยเปิดเผยตัวว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน เขามีแผนการจะสร้างมัสยิดในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นพื้นที่พักพิงสำหรับกลุ่มชาวมุสลิมผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) มีแรงดลใจจากการได้รับฟังความเจ็บปวดของวัยรุ่นมุสลิมผู้มีความหลากหลายทางเพศจำนวนมาก
 
13 ม.ค. 2561 อิหม่าม นูร์ วาซัมอี เปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ตั้งแต่ปี 2553 เขากล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าต้องการสร้างมัสยิดที่เปิดรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศหลังจากที่เขาได้รับรู้ "ความทุกข์ยากแสนเข็ญ" ของวัยรุ่นมุสลิมผู้มีความหลากหลายทางเพศ
 
วาซัมอีเปิดเผยถึงหนึ่งในปัญหาที่ชาว LGBTQ มุสลิมต้องเผชิญคือการถูกขับออกจากครอบครัวหรือออกจากชุมชนเนื่องจากเพศสภาพหรือเพศวิถีของพวกเขา ทำให้อิหม่ามผู้นี้กำลังร่วมมือกับผู้ทำการกุศลจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างมัสยิดที่จะเป็นแหล่งพักพิงสำหรับคนหนุ่มสาวชาวมุสลิมจำนวนมากที่ประสบปัญหาไม่มีที่ให้กลับไป
 
จนถึงบัดนี้วาซัมอีก็เคยให้ที่พักพิกแก่วัยรุ่น 7 คน ในอพาร์ทเมนต์ห้องเดียวเพราะการขาดที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องความเป็นความตาย วาซัมอีบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเยาวชนคือที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและมีราคาที่พวกเขาเข้าถึงได้ "สำหรับเยาวชนแล้วการเปลี่ยนผ่านอย่างปลอดภัยไม่สามารถกระทำได้ในสภาพแวดล้อมที่จะสร้างความบอบช้ำทางใจให้พวกเขา" วาซัมอีกล่าว
 
วาซัมอีย้ายถิ่นฐานจากโซมาเลียมายังประเทศออสเตรเลียเขาทำหน้าที่ดูแลกลุ่มชาวเกย์มุสลิมที่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวเองกับครอบครัว จากรายงานของเดอะฟีดสื่อกระจายเสียงพิเศษของออสเตรเลียหรือเอสบีเอสระบุว่าชาวมุสลิมส่วนใหญ่ในออสเตรเลียยังไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ
 
ก่อนหน้านี้วาซัมอีเองก็ปกปิดเพศวิถีของตัวเองมาตลอดโดยบอกว่าการเปิดเผยตัวเองขณะที่ยังอยู่กับชุมชนชาวมุสลิมเป็น "การเดินทางที่ยากลำบาก" จากที่ต้องพยายามประนีประนอมกันระหว่างเส้นทางจิตวิญญาณและเส้นทางเพศวิถี ต้องคำนึงถึงเรื่องชื่อเสียงครอบครัว ชื่อเสียงของชุมชน และการเปิดเผยตัวเองก็มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสีย เพราะมีกลุ่มที่เป็นสายอนุรักษ์นิยมถึงขั้นมองว่าการรักเพศเดียวสมควรถูกสังหาร ดังนั้นอิหม่ามผู้นี้จึงอยากสร้างพื้นที่ทำให้ชีวิตของเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศชาวมุสลิมง่ายขึ้น
 
"ผมไม่รู้อนาคต ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมีกลุ่มสุดโต่งอยู่ในชุมชนของพวกเราดังนั้นผมจึงระมัดระวังอย่างมาก แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่จะถูกข่มขู่คุกคามได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ผมยังมีทรัพยากรสำหรับความปลอดภัยและการคุ้มครองดังนั้นผมจึงไม่ต้องเดินฝ่ามรสุมเว้นแต่มันจะเป็นทิศทางเดียวกับที่ลมพัดพาไปเท่านั้น" วาซัมอีกล่าว
 
หนึ่งในคนที่เคยเข้าร่วมกลุ่มของวาซัมอีกล่าวว่าหลังจากที่เขาได้เข้าร่วมกลุ่มก็รู้สึกว่าได้รับการยอมรับ มีคนที่อยู่บนพื้นฐานแบบเดียวกันคือเป็นชาวเกย์มุสลิม รวมถึงได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องศาสนาและเรื่องเพศวิถีอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกลัวการเปิดรับตัวตนของตัวเอง
 
เมื่อปีที่แล้วมีชาวมุสลิมหญิงในปากีสถานชื่อเซย์นาเปิดเผยถึงชีวิตที่เป็นมุสลิมเลสเบียนว่าเธอต้องเผชิญกับการถูกทุบตี ถูกข่มขู่คุกคาม และถูกเหยียดหยามเพียงเพราะเพศวิถีของเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมปฏิเสธตัวตนของตัวเองแม้จะถูกรังแกก่อนที่เธอจะย้ายจากปากีสถานไปอยู่อังกฤษ 
 
ในช่วงที่เซย์นาเรียนปริญญาโทอยู่ในมหาวิทยาลัยอิสลามเธอถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะพวกเขามองว่าเธอ "อันตราย" โดยเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยขู่ว่าจะแจ้งตำรวจโดยกล่าวหาว่าเธอเป็น "คนค้าบริการทางเพศ" ถ้าหากเธอไม่ยอมเลิกคบกับผู้หญิงและออกจากมหาวิทยาลัย นอกจากมหาวิทยาลัยแล้วเซย์นายังถูกคุกคามและทำร้ายจากพ่อของเธอเพราะว่าเธอเป็นเลสเบียน เซย์นาบอกว่าเธอยังมีอาการเจ็บปวดจากช่วงล่างของแผ่นหลังอยู่จนทำให้เดินได้ไม่สะดวก
 
 
เรียบเรียงจาก
 
Gay imam announces plans to open LGBTQ-friendly mosque, Pink News, 09-01-2018
 
Meet Australia's first openly gay Imam, SBS, 02-05-2016

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net