Skip to main content
sharethis
สปสช.ร่วม “ขับเคลื่อนแก้ปัญหาเชื้อดื้อยา” เผย หลังรุกนโยบายส่งเสริมใช้ยาสมเหตุผล พบอัตราใช้ยาปฏิชีวนะลดลงราวร้อยละ 10 ทั้งกลุ่มผู้ป่วยท้องร่วงเฉียบพลัน ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน พร้อมเดินหน้าเน้นสร้างความเข้าใจผู้เกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มประสิทธิผล ระบุมูลค่ายาปฏิชีวนะระบบบัตรทองราว 700 ล้านบาท หากลดอัตราการใช้เหลือร้อยละ 20 ช่วยประหยัดค่ายาได้กว่า 400 ล้านบาท
 
3 ธ.ค. 2560 นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นหนึ่งในองค์กรที่ได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ว่าด้วยการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย (A Call to Action Declaration on Antimicrobial Resistance, Thailand) ตามพันธกิจ “ประเทศไทยปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา” เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564 ที่ผ่านมา สปสช.ได้มุ่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่ 3 การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาล และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในโรงพยาบาล คลินิก และร้านยา โดยมีนโยบายการส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล ในการสร้างแรงจูงใจด้วยกลไกทางการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริการ ส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลมาตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา 
 
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินนโยบายส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล สำนักสนับสนุนระบบบริการยาและเวชภัณฑ์ สปสช. ได้ร่วมกับ ศูนย์วิจัยผลลัพธ์ทางสุขภาพและโอสถกรรมานุบาล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อศึกษา “ประสิทธิผลของนโยบายการส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่อาศัยการจ่ายเงินตามเกณฑ์คุณภาพของผลงานบริการ” ต่อพฤติกรรมการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะ โดยเปรียบเทียบการสั่งใช้ยาปฏิชีวินะใน 2 กลุ่มโรคเป้าหมาย คือกลุ่มโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน และกลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ในช่วงก่อนและหลังใช้นโยบายนี้ ในปีงบประมาณ 2555 และ 2557 ด้วยการวิเคราะห์ย้อนหลังโดยใช้ฐานข้อมูลใบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ของ สปสช. เฉพาะข้อมูลผู้ป่วยนอก จากโรงพยาบาล 12 เขตบริการสุขภาพ จำนวน 912 แห่งทั่วประเทศ
 
ผลการศึกษาพบว่า การสั่งใช้ยาปฏิชีวนะภาพรวมในกลุ่มโรคอุจจาระเฉียบพลันลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะร้อยละ 48.57 เป็นร้อยละ 38.56 ของผู้ป่วยกลุ่มโรคอุจจาระเฉียบพลัน หรือลดลง ร้อยละ 10.01 หลังการดำเนินนโยบาย โดยในเขตบริการสุขภาพที่ 8 อุดรธานี มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มโรคนี้ลดลงมากที่สุด คือจากร้อยละ 49.72 เป็น 33.71 ขณะที่ รพ.สังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มโรคนี้ลดลงมากที่สุด คือ จากร้อยละ 47.16 เป็นร้อยละ 24.15
 
กลุ่มโรคติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน การสั่งใช้ยาปฏิชีวินะในภาพรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน จากร้อยละ 53.63 เป็นร้อยละ 44.82 ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หรือลดลงร้อยละ 8.81 หลังการดำเนินนโยบาย โดยเขตบริการสุขภาพที่ 8 อุดรธานี มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มโรคนี้ลดลงมากที่สุด จากร้อยละ 56.16 เป็นร้อยละ 39.14 รพ.สังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มโรคนี้ลดลงมากที่สุด จากร้อยละ 58.89 เป็นร้อยละ 47.24

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net