ศาลจังหวัดปราจีนบุรีไต่สวนมูลฟ้องนัดแรก คดี ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร และบิดา ฟ้องผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนหนึ่ง กรณีเป็นพยานเท็จเพื่อช่วยกลุ่มตำรวจที่ซ้อมทรมานตนเอง เมื่อปี 2552
3 ส.ค.2560 รายงานข่าวจาะ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปราจีนบุรีออกนั่งพิจารณานัดไต่สวนมูลฟ้องคดี ที่ ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ในฐานะโจทก์ที่ 1 และ สมศักดิ์ ชื่นจิตร (บิดา) โจทก์ที่ 2 ได้ยื่นฟ้องผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนหนึ่ง ซึ่งได้เข้าเป็นพยานให้การเท็จต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมาน ฤทธิรงค์ ในคดีที่ ฤทธิรงค์ ร้องเรียน กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ 5 คน ที่ซ้อมทรมานตน โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1009/2560 ในข้อหา ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร กล่าวคือเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และเป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 และ 267
โดยเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ฤทธิรงค์ และ สมศักดิ์ พร้อมทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมซึ่งให้ความช่วยเหลือในคดี มาศาล ฤทธิรงค์ ขึ้นเบิกความต่อศาล ตอบคำถามทนายโจทก์และคำถามค้านทนายจำเลย ได้ความว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้รับสารภาพในข้อหาที่ตนไม่ได้กระทำความผิด ตนได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่อมานายสมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดา ได้พาตนเข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ต่อมาเรื่องดังกล่าวถูกส่งไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาแล้วมีมติว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำความผิด ซึ่งเป็นการกลับความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ที่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีความเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดตามที่ตนกล่าวหา ด้วยเหตุดังกล่าวตนจึงได้ดำเนินการฟ้องคดีเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง ซึ่งศาลจังหวัดปราจีนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูลและประทับรับฟ้อง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายที่ซ้อมทรมานตนตกเป็นจำเลย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)