Skip to main content
sharethis
'พ.อ.ปิยพงศ์' โฆษก คสช. ระบุพร้อมเอาหัวเป็นประกันไม่ใช่ฝีมือทหาร-ทหารไม่ทำร้ายประชาชน-ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องโผทหาร ด้านกรมสุขภาพจิตแนะใช้สติก่อนแชร์ภาพเหตุการณ์ความไม่สงบ แม้จะกระทำด้วยความหวังดี แต่เกรงเป็นการซ้ำเดิม
 
13 ส.ค. 2559 พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีการเสนอข่าวว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร ทางคสช.จะแจ้งให้ทราบ กรณีการแชร์ภาพและข้อมูลในสังคมโซเซียลว่าสามารถจับกุมคนร้ายลอบวางระเบิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้แล้ว ยืนยันว่ายังไม่มีการจับกุมคนร้ายตามที่มีกระแสข่าว
 
“จากการประเมินเหตุการณ์ทั้งหมดเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ใช่เรื่องการก่อการร้ายสากล จึงเหลือประเด็นที่ว่าอาจมีกลุ่มผู้เสียประโยชน์จากคสช. หรือเป็นประเด็นความขัดแย้งในพื้นที่ หรือความขัดแย้งทางการเมืองระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นก็เป็นได้ ส่วนการก่อเหตุแต่ละพื้นที่มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ มีแนวโน้มความเป็นไปได้ แต่ยังบอกไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะจะเป็นขบวนการเดียวกัน เพราะเลือกวันดำเนินการในวันเดียวกัน และใช้พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเหมือนกัน” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
 
ส่วนที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าการก่อเหตุครั้งนี้ทหารอาจเป็นผู้ลงมือทำเองหรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า เอาหัวเป็นประกันว่าทหารไม่มีทางทำร้ายประชาชน ที่ผ่านมามีแต่ดูแลสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย ส่วนที่มีความเชื่อมโยงว่าอาจเกี่ยวพันกับเรื่องโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปีนั้น ขอให้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้เลย เพราะการก่อเหตุไม่มีความเกี่ยวพันกับเรื่องโผทหารอย่างแน่นอน
 
ปชป.สั่งอดีต ส.ส.ช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด
 
นายองอาจ  คล้ามไพบูลย์  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการก่อวินาศกรรมทั้งวางระเบิดและลอบวางเพลิง 7 จังหวัดทางภาคใต้ ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประสานกับอดีตส.ส.ของพรรคในทุกพื้นที่ให้เยี่ยมเยียนและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสียแล้ว เช่นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์ ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจบุตรของผู้เสียชีวิต โดยการประสานงานของนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.ของพรรค ส่วนที่จังหวัดตรัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปไตย์ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บด้วยตัวเอง
 
“นายอภิสิทธิ์ได้ขอให้อดีตส.ส.ในพื้นที่เป็นผู้แทนชาวบ้านช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อความรุนแรง โดยประสานงานกับทางราชการเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกรูปแบบ พร้อมกันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอเชิญชวนคนไทยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกท่าน ทำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อหาเบาะแสคนร้าย และนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป” นายองอาจ กล่าว
 
แอตต้าเชื่อวางระเบิดทำลายความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวระยะสั้น
 
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวถึงเหตุการณ์วางระเบิดในหลายพื้นที่ในภาคใต้ว่า ผู้ก่อเหตุวังทำทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ขณะนี้เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์วางระเบิดในครั้งนี้ เชื่อว่า จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะมีการทำในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะต้องติดตามสถานการณ์ ในสัปดาห์หน้า พร้อมติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ และคนไทยทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย
 
ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ในภาพรวม ทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวยังมั่นใจว่า จะยังคงมียอดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 30 ล้านคน เพิ่มเป็น 33 ล้านคนในปีนี้ หรือจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 โดยในจำนวนนี้กว่า 10 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวจีน รองลงมาเป็นยูโรปและตลาดไกล สุดท้ายคือตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านและนักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชียด้วยกัน ด้านการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคาดว่า ปี 59 จะมียอดรวมประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นคนไทยเที่ยวภายในประเทศเองคิดเป็นร้อยละ 40
 
กรมสุขภาพจิต แนะใช้สติก่อนแชร์ภาพเหตุการณ์ความไม่สงบ แม้จะกระทำด้วยความหวังดี แต่เกรงเป็นการซ้ำเดิม
 
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวานที่ผ่านมา ขอเชิญชวนผู้ที่ใช้สื่อในสังคมออนไลน์ อย่างมีสติ รู้เท่าทันก่อนที่จะมีการแชร์ต่อไป เพื่อไม่ให้ความหวังดี กลายเป็นการทำร้ายสังคม โดยสิ่งที่ ควรทำ 1. มีสติในการดำเนินชีวิต อย่าตกใจจนเกินเหตุ 2. มีสติเชื่อมั่นในการดำเนินงานของภาครัฐ 3.มีสติรู้เท่าทัน ระมัดระวังในการส่งต่อข่าวสารรูปภาพในโซเซียลมิเดีย ไม่นำภาพสูญเสียทั้งบุคคลหรือผู้ได้รับบาดเจ็บมาแชร์ต่อ เพราะอาจกลายเป็นการซ้ำเดิมความรู้สึกเจ็บปวดสูญเสีย และเพื่อเป็นการสร้างความตระหนัก และขยายความเข้าใจผิด 4. มีสติและคิดเสมอว่า โลกโซเซียล อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงเสมอไป เพราะภาพบางภาพอาจเป็นภาพลวงสร้างข่าวลือ และเกิดความแตกตื่น และ5. มีสติ หยุดการแพร่ภาพหรือช่วยสาร ที่สร้างความสับสน แต่ควรเป็นการโพสต์ข้อความที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันแทน
 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] [3] [4]
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net