สหภาพแรงงานจากบริษัท แม็คกรุ๊ปฯ ประท้วงหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุถูกเลิกจ้างไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า วอนผู้บริหารเปิดโต๊ะเจรจา ด้านประธานกรรมการ แม็คกรุ๊ป เผยอาจไม่ใช่พนักงานของบริษัทที่ออกมาชุมนุม

8 ธ.ค. 2557 เมื่อเวลา 9.30 น. ที่บริเวณด้านหน้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีกลุ่มสหภาพแรงงานจากบริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องแต่งกาย ภายใต้ชื่อ แมคยีนส์ จำนวนกว่า 100 คน ชุมนุมเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมหน้า ตลท. ภายหลังบริษัทได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร 15 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา

นายกิตติ บุญประคองวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานบริษัท แม็คยีนส์ เปิดเผยว่า ในวันนี้พนักงานมารวมตัวกันประมาณกว่า 100 คน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีที่ ผู้บริหาร บริษัท เลิกจ้างพนักงานโดยที่ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ทั้งนี้พนักงานต้องการให้ผู้บริหารมาเปิดโต๊ะเจรจากับพนักงานเพราะที่ผ่านมาพนักงานมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม อาทิ บริษัทประกาศจ่ายโบนัส 13 วัน แต่เมื่อจ่ายจริงกลับถูกหักค่าใช้จ่ายต่างๆจนเหลือแค่ 3 วัน นอกจากนี้ บริษัทแจ้งว่าผลประกอบการขาดทุนแต่ ผู้บริหารรับโบนัส 6 เดือน

โดยการชุมนุมดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดจึงแยกย้าย

ขณะที่ รายงานด้วยว่า ด้าน น.ส.สุณี เสรีภาณุ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม็คกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่ามีเบื้องหลังในการชุมนุมครั้งนี้ และอาจไม่ใช่พนักงานของบริษัทที่ออกมาชุมนุม เนื่องจากกรณีดังกล่าวได้ยกเลิกหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็น  ซึ่งบริษัทได้พูดคุยและทำข้อตกลงการเลิกจ้างตามข้อกฎหมาย และผู้ถูกเลิกจ้างรับรู้ถึงสาเหตุดังกล่าวอย่างครบถ้วนแล้ว โดยขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

สำหรับหนังสือประกาศเลิกจ้าง ได้ระบุว่า สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบกับหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดการแข่งขันทางด้านการตลาดอย่างสูง ส่งผลกระทบต่อยอดการผลิตและจำหน่ายสินค้าของบริษัท จึงมีความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ โดยพิจารณายุบหน่วยงานแผนกซ่อมบำรุง 15 คน ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัทบริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ปิดตลาดภาคเช้าที่ 14.40 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือคิดเป็น 4%

เรียกเรียงจาก โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์ และ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์