Submitted on Fri, 2014-09-05 22:04
5 ก.ย. 2557 ภาพบรรยากาศที่ชาวบ้านบ่อแก้ว ตำบลทุ่งพระ คอนสาร ชัยภูมิ กำลังเตรียมสถานที่จัดงาน "ต่อชะตาบ้าน" ชะตาบ้านที่ขาดเพราะจังหวัดชัยภูมิ ออกประกาศขับไล่ ทั้งนี้ชาวบ้านยืนยันว่า จะไม่ยอมย้ายไปใหน เพราะที่ตรงนี้คือ แผ่นดินเกิดและจะเป็นแผ่นดินสุดท้าย ของพวกเขาในชีวิตนี้
อนึ่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2557 ที่ผ่านมาตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีสวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย และกรณีสวนป่าคอนสาร (ชุมชนบ่อแก้ว) ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เดินทางเข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรม ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ โดยมีตัวแทนภาครัฐเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย เลขานุการผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ (ผบ.กกล.รส.จว.ชย) หัวหน้าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) เจ้าหน้าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรชัยภูมิ
สืบเนื่องจากจังหวัดชัยภูมิ ได้มีประกาศจังหวัด เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้และบุกรุกพื้นที่ป่าจังหวัดชัยภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการปิดประกาศดังกล่าวในพื้นที่พิพาทสวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย และสวนป่าคอนสาร (ชุมชนบ่อแก้ว) ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ในวันที่ 24 และ 25 สิงหาคม 2557 ตามลำดับ โดยสาระสำคัญของประกาศข้างต้น อาศัยอำนาจคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดชัยภูมิ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 ให้ผู้บุกรุกถือครองพื้นที่สวนป่าทั้ง 2 แห่ง ออกจากพื้นที่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งพืชผลอาสิน ภายใน 15 วัน และ 30 วัน ตามลำดับ หากพ้นกำหนดเวลา ทางราชการจะเข้าตรวจสอบพื้นที่และดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2557 ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ที่มีการติดประกาศ ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอเข้าพบและยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ (ผบ.กกล.รส.จว.ชย) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง โดยเนื้อหาระบุว่า ขอให้ทบทวนพิจารณายกเลิกประกาศจังหวัดชัยภูมิที่จะขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. ให้ยกเลิกประกาศจังหวัดชัยภูมิ เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้และบุกรุกพื้นที่ป่าจังหวัดชัยภูมิ
2. ให้พิจารณามาตรการและแนวทางการคุ้มครองสิทธิในที่ดินและทรัพย์สินของชาวบ้านที่เดือดร้อน เพื่อให้เกิดความปกติสุขในการดำเนินชีวิต จนกว่าจะมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหาในทางนโยบายต่อไป