เครือข่ายนักวิชาการรับใช้สังคมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จี้ ผบ.ทบ.ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยทันที ประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ เดินหน้าการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย พร้อมการสานเสวนาหาทางออกร่วมกัน
21 พ.ค. 2557 เครือข่ายนักวิชาการรับใช้สังคมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ออกแถลงการณ์ ‘คัดค้านการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก’
แถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกแถลงการณ์ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายถึงขั้นจลาจลจากการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะตามมาสำคัญก็คือ ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอันเป็นปกติของประชาชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ
เครือข่ายนักวิชาการรับใช้สังคมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเห็นพ้องร่วมกันว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกนี้ยิ่งจะทำให้กองทัพ/ทหารมีอำนาจในการจัดการกับการชุมนุมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าหวั่นเกรงว่าสถานการณ์อาจเดินหน้าไปสู่ความรุนแรงในอนาคต เนื่องจากเป็นการให้อำนาจในการจับ ค้นและควบคุมตัวบุคคลใดๆที่ต้องสงสัยว่าจะกระทำความผิด โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหา เป็นให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารอย่างกว้างขวางในการที่จะกระทำการใดๆก็ได้ ดังปรากฏชัดในกรณีการควบคุมสื่ออย่างกว้างขวางในรูปแบบต่างๆ ที่ขณะนี้สถานีโทรทัศน์บางแห่งถูกทหารเข้าประจำ สถานีโทรทัศน์ดิจิตัล ฟรีทีวี รวมถึงสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่มีใบอนุญาตถูกสั่งปิด นี้จึงเป็นการละเลยถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เพียงต่อผู้ชุมนุมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประชาชนทั่วไปในวงกว้างอีกด้วย แต่ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหารกลับได้รับความคุ้มกันทั้งทางแพ่ง อาญาและทางวินัย ทำให้ประชาชนไม่อาจเรียกร้องใดๆต่อเจ้าหน้าที่ได้
ดังนั้นเครือข่ายนักวิชาการรับใช้สังคมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา จึงมีข้อเสนอต่อผู้บัญชาการทหารบก ดังนี้
(1) เครือข่ายฯขอคัดค้านอย่างยิ่งต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึก เนื่องจากมีบทเรียนชัดเจนว่าการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ทหารภายใต้กฎอัยการศึก ไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่เป็นไปตามหลักการสากล และนำไปสู่การปราบปรามที่จะส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเอื้อให้เกิดการใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยปราศจากกลไกการตรวจสอบเอาผิดได้ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมการไม่ต้องรับผิดของเจ้าหน้าที่ทหาร อาทิเช่น การซ้อมทรมานบังคับประชาชนที่ถูกสงสัยให้รับสารภาพ และการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยมิชอบ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารบกต้องยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยทันที
(2) เครือข่ายฯขอประณามและไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะกรณีการปาระเบิดและใช้อาวุธสงครามต่างๆยิงเข้าสู่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธถือเป็นเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในรัฐประชาธิปไตย
(3) การสนับสนุนการทำรัฐประหาร และสร้างเงื่อนไขสนับสนุนการปราบปรามที่รุนแรงจากทหาร ยิ่งนำไปสู่จุดที่เปราะบางและเสี่ยงต่อการเกิดการปะทะมากยิ่งขึ้น เพราะรัฐประหารและความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไทยได้ และไม่ใช่คำตอบสำหรับประชาธิปไตยและสังคมไทย การแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบที่มิใช่วิถีทางประชาธิปไตยยังจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น
(4) การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและวิกฤตทางการเมือง หากไม่ยึดมั่นในหลักการและครรลองของระบอบประชาธิปไตย ยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งซับซ้อนยุ่งยากขึ้น การเลือกตั้ง จึงคือกลไกสำคัญในการตัดสินและสามารถสนับสนุนให้เกิดนโยบายการพัฒนาประเทศที่ดีได้ในอนาคต เพราะ “เสียงของประชาชนทุกคน” ย่อมสะท้อนผ่าน “ผลการเลือกตั้ง” อาวุธที่ดีที่สุดของประชาชน คือ ระบอบประชาธิปไตยแบบ 1 สิทธิ์ 1 เสียง
(5) การสานเสวนา การเปิดพื้นที่ที่สามในฐานะพื้นที่แห่งสันติในทุกพื้นที่ เป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ป้องกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ เป็นการหาแนวทางในการอยู่ร่วมกันให้ได้ในอนาคตอย่างสันติ และร่วมกันค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการที่แท้จริง “สังคม การเมืองการปกครองที่พึงปรารถนาในอนาคตเป็นอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าเครือข่ายนี้ เคยออกแถลงการณ์ ‘หยุดผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม หยุดใบอนุญาตฆ่าประชาชน’ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 56 ด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)