เอกสารประกอบการอภิปรายระดมทุนเพื่อช่วยนักโทษการเมืองเรื่อง ‘108 เหตุผล ทำไมต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง’
1. ข้อมูลผู้ถูกดำเนินคดีอันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมปี 2553 ที่ปรากฏในรายงาน “ความจริงเพื่อความยุติธรรม: เหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา – พฤษภา 53” เป็นข้อมูลผู้ถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมปี 2553 ที่มีการจับกุมตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2555[1]
ตาราง 1 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีและจำนวนคดีจำแนกตามศาลและภูมิภาค
พื้นที่ที่เกิดเหตุและ มีการดำเนินคดี |
ศาลยุติธรรม |
ศาลเยาวชนและครอบครัว |
รวม (คน/คดี) |
||
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี (คน) |
จำนวนคดี (คดี) |
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี (คน) |
จำนวนคดี (คดี) |
||
กรุงเทพฯ |
789 |
589 |
31 |
31 |
820/620 |
ปริมณฑล |
148 |
120 |
17 |
17 |
165/137 |
ภาคกลาง |
188 |
183 |
28 |
28 |
216/211 |
ภาคเหนือ |
34 |
21 |
8 |
8 |
42/29 |
ภาคตะวันออก |
432 |
298 |
83 |
82 |
515/380 |
ภาคตะวันออก |
5 |
4 |
- |
- |
5/4 |
รวม |
1,596 |
1,215 |
167 |
166 |
1,763/1,381 |
ตาราง 2 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีจำแนกตามศาลและประเภทคดีที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในแต่ละภูมิภาค
พื้นที่ที่เกิดเหตุ และมีการดำเนินคดี |
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีในศาลยุติธรรม (คน) |
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีในศาลเยาวชนฯ (คน) |
รวม (คน) |
||||
ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน |
คดี อาญาอื่นๆ |
ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และคดีอาญาอื่นๆ |
ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน |
คดี อาญาอื่นๆ |
ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และคดีอาญาอื่นๆ |
||
กรุงเทพฯ |
539 |
48 |
202 |
22 |
1 |
8 |
820 |
ปริมณฑล |
60 |
1 |
87 |
16 |
- |
1 |
165 |
ภาคกลาง |
163 |
6 |
19 |
26 |
- |
2 |
216 |
ภาคเหนือ |
3 |
2 |
29 |
5 |
- |
3 |
42 |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
234 |
77 |
121 |
71 |
- |
12 |
515 |
ภาคตะวันออก |
3 |
- |
2 |
- |
- |
- |
5 |
รวม |
1,002 |
134 |
460 |
140 |
1 |
26 |
1,763 |
ตาราง 3 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี และผู้ต้องขังจำแนกตามสถานะของคดี
สถานะของคดี |
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี (คน) |
จำนวนผู้ต้องขัง (คน) |
ชั้นสอบสวน/อัยการ |
7 |
- |
ชั้นพิจารณา |
54 |
3 |
ชั้นอุทธรณ์ |
153 |
27 |
ชั้นฎีกา |
18 |
9 |
คดีเด็ดขาด |
1,307 |
11** |
จำหน่ายคดีชั่วคราว (หลบหนี) |
15 |
- |
จำหน่ายคดีเด็ดขาด (เสียชีวิต) |
3 |
- |
ไม่มีข้อมูลสถานะคดี |
46 |
- |
รวม |
1,603* |
50 |
* บางคนถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คดี
** เป็นนักโทษคดีเสพและครอบครองยาเสพติด พร้อมทั้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 5 คน
2. ข้อมูลผู้ถูกดำเนินคดีอันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมปี 2553 ปรับข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556
2.1 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีรวม 1,833 คน (1,451 คดี) โดยมี
- จำนวนผู้ถูกฟ้องเพิ่ม 2 ราย (เดิมถูกจับกุมแต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง) ข้อหาบุกรุกศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และมั่วสุมก่อความวุ่นวาย 1 ราย (เยาวชน) และข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน(กรุงเทพฯ) 1 ราย
- จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีแต่ข้อมูลตกหล่น 68 ราย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน(กรุงเทพฯ) 1 ราย ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกนอกเคหสถาน (เชียงใหม่) 67 ราย
2.2 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีที่คดีสิ้นสุดแล้ว ประมาณ 1,644 คน อยู่ระหว่างจำคุก 5 คน
2.3 จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีที่คดียังไม่สิ้นสุด ประมาณ 150 คน ได้ประกัน 137 คน (คดีก่อการร้าย 24 คน) ไม่ได้ประกัน(อยู่ในเรือนจำต่างๆ) 13 คน
2.4 จำนวนหมายจับที่ยังจับกุมไม่ได้ (เท่าที่มีข้อมูล)
- จ.มุกดาหาร 65 หมาย[2]
- จ.อุดรฯ 50 หมาย
- จ.อุบลฯ คดีเผาศาลากลาง 44 หมาย คดีอื่นๆ จำนวนหลักร้อย
- จ.ขอนแก่น จำนวนหลักร้อย
- เชียงใหม่ไม่ทราบแน่
2.5 ตัวอย่างคดีที่ถูกฟ้องมากกว่าหนึ่งข้อหา และคดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องแต่อัยการตัดสินใจอุทธรณ์คดีต่อ[3]
(1) กรณีอุดรธานี – นายอาทิตย์ ทองสาย จำคุก 20 ปี, นายกิตติพงษ์ ชัยกัง จำคุก 10 ปี 3 เดือน, นายเดชา คมขำ จำคุก 20 ปี 6 เดือน, นายบัวเรียน แพงสา จำคุก 20 ปี 6 เดือน และแต่ละคนต้องชดใช้ค่าเสียหายอีกคนละตั้งแต่ 31-47.3 ล้านบาท นอกจากข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและวางเพลิงที่ว่าการอำเภอแล้ว ทั้ง 4 คนนี้ ยังมีความผิดฐานก่อความวุ่นวาย + บุกรุกโดยมีอาวุธ + และทำให้เสียทรัพย์ (รถดับเพลิง)
(2) กรณีอุบลราชธานี - น.ส.ปัทมา มูลมิล,นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ, นายสนอง เกตุสุวรรณ์, นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ ทั้ง 4 คนนี้ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ลดให้คนละ 1 ใน 3 เหลือ 34 ปี นอกจากความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และวางเพลิงเผาศาลากลางอุบลราชธานี ศาลตัดสินให้พวกเขามีความผิดฐานก่อความวุ่นวาย + กีดขวางทางจราจร + และทำให้เสียทรัพย์ของเอกชน (ร้านค้าเอกชนในพื้นที่ศาลากลางถูกเพลิงไหม้ไปด้วย) ต่อให้ตัดข้อหาเผาศาลากลางและ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป นักโทษจากอุดรฯและอุบลฯ ก็อาจต้องโทษจำคุกอีกคนละหลายปี
(3) กรณีนายประสงค์ มณีอินทร์ และนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ จำคุกคนละ 11 ปี 8 เดือน ปรับ 6,100 บาท ในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน + มีวัตถุระเบิดและเครื่องวิทยุชนิดมือถือโดยไม่ได้รับอนุญาต + พกพาวัตถุระเบิดและอาวุธต่าง ๆ + ปล้นทรัพย์
(4) นายคำหล้า ชมชื่น จำคุก 10 ปี มีความผิดฐานปล้นปืน (เอ็ม 16) จากเจ้าหน้าที่ทหาร 2 กระบอก บริเวณซอยหมอเหล็ง (แท้จริงคือการรุมล้อมรถทหารที่เข้ามาบริเวณสี่แยกดินแดง มีการแย่งปืนและดึงทหารลงจากรถ)
(5) นายบัณฑิต สิทธิทุม จำคุก 38 ปี มีความผิดฐานก่อการร้าย + พกพาอาวุธปืนกล + มีวัตถุระเบิด + ใช้และครอบครองเครื่องยิงจรวดจำคุก (ใช้อาร์พีจียิ่งใส่ ก.กลาโหม) + ใช้เอกสารราชการปลอม (แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม) + พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
(6) คดีผู้หญิงยิง ฮ. – คดีนี้มีจำเลย 3 คน คือ 1.นางนฤมล หรือจ๋า วรุณรุ่งโรจน์ 2. นายสุรชัย นิลโสภา 3. นายชาตรี ศรีจินดา ถูกฟ้องข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด สิ่งเทียมอาวุธ และปลอมแปลงเอกสารราชการ ศาลชั้นต้นยกฟ้องทั้งสามคน แต่อัยการอุทธรณ์จำเลยที่ 1 (นางนฤมล) ส่วนจำเลยที่ 2 เสียชีวิต และไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 3 หากร่าง พ.ร.บ.ฯฉบับประชาชนผ่านสภา นางนฤมลก็ยังต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
(7) คดีเผาเซ็นทรัลเวิร์ล – แม้ว่าศาลชั้นต้นจะยกฟ้องนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ ไปแล้วก็ตาม แต่อัยการตัดสินใจอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป
3. ข้อมูลผู้ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์อื่นๆ อันเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังรัฐประหาร
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี (เท่าที่รวบรวมได้) 55 ราย
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีที่คดีสิ้นสุดแล้ว 23 ราย
จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีที่คดียังไม่สิ้นสุด 23 ราย (ไม่ทราบสถานะคดี 9 ราย)
· ข้อสังเกต/ข้อเสนอของ ศปช.
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกดำเนินคดีอันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมปี 53 ของ ศปช. เป็นเพียงความพยายามขององค์กรภาคประชาชนเล็กๆ ในการทำให้สังคมได้มองเห็นภาพรวมของปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ผ่านเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น ข้อมูลของ ศปช.จึงอาจยังไม่ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง โดยเฉพาะจำนวนและรายชื่อของผู้ที่ถูกออกหมายจับแต่ยังไม่มีการจับกุม และผู้ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์อื่นๆ เนื่องจาก ศปช.ไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดของข้อมูลเหล่านี้ได้ ดังนั้น หน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีสถานะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญจึงควรต้องใช้กลไกของตนในการแสวงหาข้อมูล ผ่านทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาลยุติธรรม หรือเปิดรับข้อมูลจากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
2. ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ศปช.พบว่า ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมีสาเหตุสำคัญมาจาก
ก. การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งนอกจากจะประกาศใช้โดยขาดความจำเป็นแล้ว การที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจเจ้าพนักงานอย่างกว้างขวาง โดยไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจตามอำเภอใจในการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งสิทธิในชีวิต สิทธิในร่างกาย สิทธิในการชุมนุม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ฯลฯ โดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม เช่น ทำให้เสียชีวิต จับกุมอย่างเหวี่ยงแห จับกุมโดยไม่มีหลักฐานอย่างชัดเจน ซ้อมทรมานในขณะจับกุม ยัดของกลาง เป็นต้น ส่งผลให้ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
ข. หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ทำหน้าที่เอื้ออำนวยให้เกิดความยุติธรรม ปกป้องและขยายสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากแต่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ป้องปราม และกดทับประชาชน ปัญหาเหล่านี้ดำรงอยู่ในกระบวนการยุติธรรมมาเนิ่นนาน หากแต่ภายใต้สภาพความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาเหล่านี้ได้ประทุขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการใช้กฎหมายต่อกลุ่มคนที่เห็นต่าง เช่น บังคับหรือหลอกล่อให้รับสารภาพ บิดเบือนคำให้การ ไม่ให้ประกันตัว ไม่แจ้งสิทธิในการติดต่อทนายหรือญาติ ตั้งข้อหาเกินจริง การใช้ดุลพินิจของศาลที่ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงใจ และไม่คำนึงถึงบริบททางการเมือง ตลอดจนถึงการที่ศาลไม่ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯลฯ เหล่านี้ ส่งผลให้ผู้ที่ถูกจับกุมและดำเนินคดีถูกศาลพิพากษาลงโทษเป็นส่วนใหญ่
แม้ในปัจจุบันปัญหาของกระบวนการยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองเหล่านี้ก็ยังปรากฏให้เห็น การไม่อนุญาตให้ประกันตัวในบางคดี ทั้งคดีที่มีโทษหนักและโทษเบา (1 ปี) โดยที่บางคดีที่มีโทษหนักกว่าได้รับการประกันตัว พนักงานอัยการยังมีการสั่งฟ้องอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่บางกรณีได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เช่น มุกดาหาร 1 ราย, ขอนแก่น (เตรียมฟ้อง) 39 ราย, กรุงเทพฯ 2 ราย พนักงานอัยการยังคงอุทธรณ์ในคดีที่ศาลพิพากษายกฟ้อง เป็นต้น
ดังนั้น การผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจึงเป็นความจำเป็น ไม่ใช่เพื่อลบล้างความผิดให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่ายเพื่อให้หันหน้ากลับมาปรองดองกัน แต่เพื่อเป็นการแก้ไขความผิดพลาดของฝ่ายรัฐ และคืนความยุติธรรมให้กับผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีและสังคม นอกจากนี้ ในระยะยาว ควรต้องผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายความมั่นคง ตลอดจนผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบบยุติธรรมทั้งยวง ตั้งแต่ชั้นเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ศาล และเรือนจำ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสามารถทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง
[1] สำหรับรายละเอียดของแต่ละคดี จะอยู่ในรายงาน “ความจริงเพื่อความยุติธรรม: เหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเมษา – พฤษภา 53” ฉบับออนไลน์ ค้นได้จากเว็บไซต์: http://www.pic2010.org.
[2] ตัวเลขของมุกดาหารได้มาจากคำเบิกความของตำรวจในศาลเยาวชน มุกดาหาร จะเป็นใครบ้าง ข้อหาอะไรบ้าง ศปช. ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้.
[3] พวงทอง ภวัครพันธุ์. 2556. ข้อจำกัดของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน. ค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2556, จาก ประชาไท เว็บไซต์: http://prachatai.com/journal/2013/07/47796.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)