วันนี้ (19 มิ.ย.56) เวลา 14.00 ศาลปกครองเชียงใหม่ พิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ 146/2554 ระหว่างนายบุญซ่น วงค์คำลือ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 100 คน กับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และบริษัทพลังงานสะอาดดี 2 จำกัด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 1 โดยมีกลุ่มอนุรักษ์คนฮักท้องถิ่นจังหวัดเชียงรายจำนวนกว่า 500 คน เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดี

 

คดีนี้ สืบเนื่องมาจาก การที่ประชาชนจาก อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ยื่นฟ้องศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ออกให้กับบริษัทพลังงานสะอาดดี 2 จำกัด ที่ออกโดย กกพ.และให้มีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวให้โรงงานหยุดการก่อสร้าง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 พ.ค.54

ผู้สื่อขาวรายงานว่า การพิจารณาคดีดังกล่าว ตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดเชียงราย และเลื่อนฟังคำพิพากษาจากนัดเดิม 9 ก.ค.56 เป็นวันที่ 26 มิ.ย.56

 

 

ทั้งนี้ บริษัทพลังงานสะอาดดี 2 จำกัด ได้ขออนุญาตโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยมีแกลบเป็นเชื้อเพลิงในพื้นที่ บ้านไตรแก้ว หมู่ที่ 8 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงรายในช่วงปี พ.ศ.2552 แต่ชาวบ้านเห็นว่ากระบวนการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายเรื่อง เช่น ไม่มีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างครบถ้วนรอบด้าน

 

อีกทั้งสถานที่ก่อสร้างโครงการมีการถมดินทับพื้นที่สาธารณะ (ลำเหมือง) ขัดกับมติคณะกรรมการกลั่นกรองการขอรับใบอนุญาตฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายที่มีมติว่า ไม่สมควรให้มีการก่อสร้างโรงงานฯ ในพื้นที่ และตั้งอยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งถือว่าเป็นทำเลและที่ตั้งไม่เหมาะสมตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ชาวบ้านจึงได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว และขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว

 

ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทพลังงานสะอาดดี 2 จำกัด ดำเนินการก่อสร้างโรงงานฯ ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองอุทธรณ์คดี

 

จากนั้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย.55 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามใบอนุญาตประกอบกิจการโรงไฟฟ้า มีผลเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น คือห้ามการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยให้เหตุผลว่าเหตุแห่งการฟ้องคดีน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากให้มีการสร้างโรงงานฯ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมอันยากต่อการเยียวยาในภายหลัง และการมีคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นต่ออุปสรรคต่อการบริหารราชการของภาครัฐ

 

หลังจากที่ศาลใช้เวลาในการแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นเวลา 2 ปีกว่า ในที่สุดศาลปกครองเชียงใหม่ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีนี้จนเสร็จสิ้นเพียงพอที่ศาลจะพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งได้แล้ว จึงมีหมายแจ้งมายังผู้ฟ้องคดีทั้ง 100 คนเมื่อวันที่ 31 พ.ค.56 โดยกำหนดวันนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 19 มิ.ย.56 พร้อมทั้งได้ส่งสรุปข้อเท็จจริงของตุลาการเจ้าของสำนวนมาให้ผู้ฟ้องคดี ซึ่งในวันดังกล่าวศาลให้สิทธิคู่กรณีสามารถยื่นคำแถลงต่อศาลและแสดงพยานหลักฐานได้ และในคำส่งดังกล่าวยังกำหนดให้วันที่ 9 ก.ค.56 เป็นวันพิพากษาคดีต่อไป