Skip to main content
sharethis

เครือข่ายพลเมืองอาสาฯ ประท้วงไทยพีบีเอส หลังไฟเขียว ตอบโจทย์ ตอน 5 ชี้ อ้างเสรีภาพสื่อแต่ขาดความรับผิดชอบ ผิด กม.รธน. หมอตุลย์ยันหนุนแก้ ม.112 แยกโทษดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายออกจากกัน กลุ่มประชาชนทนไม่ไหว จี้ผู้บริหารสถานีไทยพีบีเอส ลาออก เตรียมดำเนินคดีตามกฏหมาย ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะพิจารณาเนื้อหารายการตอบโจทย์

นพ.ตุลย์ ขณะอ่านแถลงการณ์

20 มี.ค.56 เวลา 14.00 น. บริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดี มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน จากเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาฯ ชุมนุมประท้วงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสกรณีที่มีการนำรายการ ตอบโจทย์ประเทศไทย ในประเด็น “สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตอน 5” มาฉาย เมื่อวันที่ 18 มี.ค.56 หลังจากที่มีการชะลอการออกอากาศไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีรับผิดชอบและควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก

โดย นพ.ตุลย์ ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ระบุด้วยว่า เนื้อหาของรายการไม่ได้ครอบคลุมหัวข้อที่ตั้งไว้เลยและดูเหมือนว่านายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ผู้ดำเนินรายการสนใจถามแต่เรื่องมาตรา 112 เป็นพิเศษ

เครือข่ายพลเมืองอาสาฯ มีความเห็นว่าการกระทำของทางสถานีทั้งผู้บริหารและผู้ดำเนินรายการเป็นการใช้เวลาและงบประมาณของสถานีสาธารณะในทางที่ไม่เหมาะสม อ้างเสรีภาพสื่อแต่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมและผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน  จึงรวมตัวกันมาในวันนี้เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีแสดงความรับผิดชอบและจะต้องควบคุมมิให้มีรายการในลักษณะละเมิดสถาบันกษัตริย์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมนี้อีก

โดยมีนายมงคล ลีลาธรรม  รองผู้อำนวยการและปฏิบัติหน้าที่นายสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมระบุด้วยว่าผู้ชุมนุมที่มาในวันนี้เป็นผู้ชมผู้ฟัง ที่เราต้องฟังเสียง และรับปากว่าจะนำหนังสือประท้วงนี้ไปให้คณะผู้บริหารเพื่อพิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตามมีรายงานด้วยว่าขณะที่นายมงคล เดินออกมาภายนอกรั้วของสถานีได้มีผู้ชุมนุมขว้างปาสิ่งของใส่ แต่ไม่ได้รับอันตราย ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องรีบกันตัวเข้าไปอยู่ในรั้ว และ นพ.ตุลย์ ยังได้กล่าวของโทษและขอเข้าไปยื่นหนังสือด้านในรั้วแทนด้วย


นายมงคล ลีลาธรรม  รับหนังสือประท้วง

นอกจากนี้ นพ.ตุลย์ ยังปราศรัยกับผู้ชุมนุมด้วยว่าควรมีการดำเนินคดีในมาตรา 112 กับผู้เกี่ยวข้องกับรายการด้วย พร้อมระบุด้วยว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่คนไม่เคารพพ่อตัวเอง คนแบบนี้ควรไปเกิดประเทศอื่น รวมทั้งคนอย่างนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่เป็นแบบนี้แสดงว่าสมองมีปัญหา ทีวีสาธารณะก็ไม่ควรเอามาออกรายการ

ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาฯ ยังปราศรัยด้วยว่า พระองค์ท่านถูกใส่ร้ายจนคนไม่เห็นความดีของพระองค์ ดังนั้นขออย่าเอาสถานีโทรทัศน์นี้มาล่วงละเมิดสถาบันอีก และยังมีอีกหลายเรื่องที่ทางสถานีควรทำ เช่น เรื่องทุจริตของรัฐบาล เรื่อง ปตท. เรื่องเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ทำไมไม่ทำเรื่องเหล่านี้

 

แก้ ม.112 แยกโทษดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายออกจากกัน

สำหรับกฎหมายอาญา มาตรา 112 นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ควรมีการแก้ไข โดยเฉพาะในส่วนของการแยกสัดส่วนโทษในมาตรานี้ เนื่องจากการดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย มันเรียงอยู่ในประโยคเดียวกันแล้วใส่โทษว่าเป็นจำคุก 3 – 15 ปี ซึ่งควรแยกออกจากกัน และการยืนไม่เคารพพระบรมฉายาลักษณ์หรือเพลงสรรเสริญพระบารมี ถ้าชัดเจนว่าเจตนาไม่ยืนนั้น คิดว่าโทษไม่ควรถึง 3 ปี แต่สำหรับการอาฆาตมาดร้ายนั้น 3 ปีก็ไม่พอ ควรเกิน 10 ปี ดังนั้นมันควรจะแยกเป็นขั้นเป็นตอนด้วย

ทั้งนี้ เขาไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์ที่จะให้สำนักราชวังหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับในหลวงมาฟ้อง เพราะจะทำให้เมื่อมีการฟ้องเกิดขึ้นคนจะเข้าใจว่าในหลวงทรงเป็นคนสั่งฟ้องได้ อย่างไรก็ตามการที่ปัจจุบันให้ใครก็ได้ที่ทราบเรื่องเป็นผู้ฟ้องนั้น ผู้ฟ้องก็ไม่ได้เป็นเจ้าของคดี ตำรวจจะเป็นเจ้าของคดีเขาต้องกลั่นกรองเข้าคณะกรรมการก่อน ซึ่งคิดว่านี่เป็นกระบวนการที่ทำให้ไม่ถูกจับกุมในมาตรา 112 โดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสม

นพ.ตุลย์ กล่าวด้วยว่า มีหลายกรณีที่โดนฟ้องด้วยมาตรา 112 แล้วไม่ได้ถูกจับกุม ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าโดนฟ้องด้วยมาตรา 112 จะถูกจับกุมในทันทีนั้นไม่เป็นความจริง การแก้ไขกฎหมายนี้ทำได้แต่ไม่ใช่ลดโทษให้เท่ากับคนปกติ ดูหมิ่นคนทั่วไปยังทำไม่ได้เลย แล้วจะมาดูหมิ่นคนทั้งชาติ คนที่คนทั้งชาติรักทำได้หรือ

“คณะนิติราษฎร์บอกว่าปัจจุบันในปี 53 – 55 มีคดีมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรานี้ ตามหลักกฎหมายถ้าคดีมากเกินไปมันไม่ได้เป็นการใส่ร้าย แต่เป็นเพราะคนไม่เกรงกลัวต่างหาก รู้ว่ามีโทษ 3 – 15 ปี ก็ยังกระทำความผิดอีก โดยหลักการกฎหมายควรจะเพิ่มโทษด้วยซ้ำ แต่เราก็ยอมว่าเอาโทษเท่านี้และมีมาตรการกลั่นกรองให้ คนที่ถูกฟ้องตั้งแต่ปี 53 – 55 นั้นเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่ถูกมอมเมา ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศและไม่ใช่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีปัญหา แต่เป็นเพราะมีการใส่ร้ายพระองค์ท่านจนมีการบิดเบือนในสมองดังที่เกิดขึ้น” นพ.ตุลย์ กล่าวทิ้งท้าย


นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาฯ


‘ประชาชนทนไม่ไหว’ จี้ผู้บริหารสถานีฯ ลาออก

ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มประชาชนที่ใช้ชื่อว่า ’ประชาชนทนไม่ไหว’ หรือ Uprising People (UPR)  ที่ได้ชุมนุมต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นมา ประมาณ 40 คน ที่บริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอรายการที่พาดพิงสถาบัน โดยให้ผู้บริหารสถานีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกและขอโทษสังคมไทยโดยเร็วที่สุด จากการปล่อยให้รายการตอบโจทย์ ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ออกอากาศ โดยมี นายสมเกียรติ จันทรสีมา ผอ.สำนักเครือข่ายสื่อพลเมือง เดินทางออกมารับจดหมายเรียกร้องของทางกลุ่ม

โดยจดหมายประท้วงของกลุ่มประชาชนทนไม่ไหว ระบุว่า ได้เคยมีประชาชนไปแสดงตนและทำการท้วงติงเกี่ยวกับการเสนอรายการ และทางสถานีได้ประกาศชะลอการออกอากาศออกไป ถือเป็นการตัดสินใจที่ทำให้ประชาชนที่ท้วงติงรู้สึกชื่นชม เพราะทางสถานีได้ตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบ ที่อาจเกิดความขัดแย้งในภายหน้าและหมิ่นเหม่ต่อการกระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ระบุไว้ว่า “ห้ามไม่ให้ออกอากาศเนื้อหารายการที่มีลักษณะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจ หรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง”

แต่ปรากฏว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 18 มี.ค.56 ทางสถานียังคงนำเทปรายการตอบโจทย์ ตอนที่ 5 มาออกอากาศอีก นั่นย่อมแสดงว่าทางสถานีไม่สนใจหรือนำพากับการท้วงติงของประชาชนและภาคสังคม อีกทั้งเป็นการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายอีกด้วย เพราะบุคคลที่ร่วมในรายการมีแนวคิดที่เป็นอันตรายต่อสถาบันอันเป็นที่รักและเทิดทูนของคนไทยทั้งประเทศ

ในฐานะคนไทยที่รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอประนามการกระทำครั้งนี้ของสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอสและเรียกร้องให้คณะผู้บริหารสถานีรับผิดชอบ ด้วยการลาออก และขอโทษสังคมไทยโดยเร็วที่สุด หากการร้องขอดังกล่าวไม่เป็นผลทางกลุ่มจะเร่งดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่เห็นสมควร ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป

 

ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะพิจารณาเนื้อหารายการตอบโจทย์

20 มี.ค. 2556 เว็บไซต์เนชั่นแชลแนล รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีรายการ ตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตอนสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ว่า ได้ดูรายการดังกล่าวแค่บางตอน จึงไม่สามารถตอบได้ว่าเนื้อหารายการเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน โดยขณะนี้ให้สันติบาลและฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการถอดเทปเนื้อหารายการทั้งหมดแล้ว และจะนั่งหัวโต๊ะพิจารณาเนื้อหาเองทุกๆ ด้าน คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน หากมีเนื้อหาส่อเสียดหรือผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ส่วนจะต้องเรียกผู้ดำเนินรายการ โปรดิวเซอร์ หรือผู้บริหารสถานีมาสอบปากคำหรือไม่ขอพิจารณาเนื้อหาก่อน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จับตาเนื้อหาในโซเซียลเน็ตเวิร์คที่อาจมีบางกลุ่มนำเนื้อหาไปขยายผลหรือยุยงให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นแล้ว โดยการข่าวเบื้องต้นรายงานว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่เราก็เตรียมพร้อมและพยายามไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน

 

ภาพการชุมนุมของเครือข่ายพลเมืองอาสาฯ :

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net