Skip to main content
sharethis

บอร์ด สปสช.เห็นชอบปรับเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัส CD4 น้อยกว่า 350 ครอบคลุมผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกคน หลังจากมีมติเมื่อ เม.ย.54 ปรับเกณฑ์ให้ยาต้านไวรัส CD4 น้อยกว่า 350 เฉพาะบางกลุ่ม รมว.สธ.คาดช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,374 คนใน 4 ปี เผยเริ่มให้ยาต้านเร็ว ป้องกันติดเชื้อรายใหม่ได้มากขึ้น

 

(3 ก.ย.55) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2554 เห็นชอบให้ขยายเกณฑ์การเริ่มรับยาต้านไวรัสเอชไอวี เมื่อ CD4 หรือระดับภูมิต้านทานของร่างกายน้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์/ลบ.มม. เฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยต่อไปนี้ คือ มีภาวะตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี หรือมีอายุมากกว่า 50 ปี และป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ หรือมีภาวะแทรกซ้อนทางไตที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี หรือหญิงหลังคลอดที่มีระดับ CD4 ในขณะตั้งครรภ์ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์/ลบ.มม. และให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังประกาศเป็นเวลา 1 ปี

ต่อมาคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาและบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ได้ทำการศึกษาข้อมูลและมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2555 ให้มีการปรับเกณฑ์การเริ่มรับยาต้านเมื่อ CD4 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์/ลบ.มม. ในผู้ติดเชื้อทุกคนที่มีความพร้อม ร่วมกับส่งเสริมกระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการโดยรณรงค์การตรวจเลือดวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี และนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงเร่งรัดให้ผู้ติดเชื้อได้รับยาต้านให้เร็วที่สุดเมื่อมีข้อบ่งชี้

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้มีการขยายเกณฑ์เริ่มรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ CD4 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์/ลบ.มม. แก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกคนที่มีความพร้อม โดยเริ่มต้นในปีงบประมาณ 2556 หรือ 1 ต.ค. 2555 เป็นต้นไป คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 321 ล้านบาท ในระยะเวลา 4 ปี คือ 2556-2559 ซึ่งจะทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,374 คน และการเริ่มรักษาที่เร็วขึ้นมีผลต่อการป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ได้มากกว่าเดิม

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า เดิมนั้นประเทศต่างๆ รวมประเทศไทยกำหนดเกณฑ์รับยาต้านไวรัสที่ CD4 น้อยกว่า 200 เซล/ลบ.มม. ต่อมามีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่า ยิ่งให้ยาต้านฯรักษาผู้ติดเชื้อเร็วมากขึ้นเท่าไร อัตราป่วยและเสียชีวิตจะยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น พ.ศ. 2553

โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ขยายเกณฑ์การเริ่มยาต้านเอชไอวีในผู้ติดเชื้อที่ CD4 น้อยกว่า 350 เซล/ลบ.มม. ซึ่งประเทศไทยทบทวนเกณฑ์การในการเริ่มยาต้านเอชไอวีที่ CD4 น้อยกว่า 350 และประกาศใช้เมื่อ 1 ต.ค.53 ขณะที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติปรับเกณฑ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2554 เฉพาะบางกลุ่ม ก่อนจะมีมติครอบคลุมผู้ติดเชื้อทุกคนในวันนี้


สปสช.ขยายสิทธิดูแลผู้ป่วยเอดส์-ไต ใน 3 กองทุน 1 ต.ค.นี้

ก่อนหน้านี้ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ในการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขยายสิทธิสร้างความเสมอภาคในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี /ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพื่อให้ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มใน 3 กองทุน ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

โดยในส่วนของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายจะเน้นในเรื่องของการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพต่อเนื่อง แม้มีการเปลี่ยนสิทธิ อาทิ ผู้ป่วยไตวายอยู่สิทธิประกันสังคม และลาออกต้องอยู่ในสิทธิ 30 บาทโดยอัตโนมัติ ก็จะได้รับการรักษาต่อเนื่องในสถานพยาบาลเดิมทันที ทั้งนี้ สำหรับการขยายสิทธิสร้างความเสมอภาคในผู้ป่วยดังกล่าวจะเริ่มประกาศใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคม 2555

อนึ่ง ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ รับยาต้านไวรัส 225,272 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน หรือร้อยละ 65.9 สิทธิประกันสังคม 46,114 คน หรือร้อยละ 20.5 สิทธิข้าราชการ 12,059 คนหรือร้อยละ 5.4 และสิทธิอื่นๆ 18,742 คนหรือร้อยละ 8.3 ส่วนผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 38,780 คน ใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 20,077 คน สิทธิประกันสังคม 9,193 คน และสิทธิข้าราชการ 8,810 คน

 

 

ที่มา: มติชนออนไลน์ 1, 2

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net