Skip to main content
sharethis

4 ปี รัฐประหาร 4 เดือน พฤษภา นปช.ภูพาน จัดกิจกรรมพร้อมเชิญประชาชนร่วมงานบุญ อุทิศส่วนกุศลแด่วีรชนวันเสาร์ 25 ก.ย.นี้ ด้าน สนนอ.จัดกิจกรรมรำลึก เผยต้องระงับการปล่อยลูกโป่งสีแดงขึ้นฟ้า เหตุเจ้าหน้าที่สั่งห้ามชี้เป็นการหมิ่นฯ ขู่ฝ่าฝืนจะถอนประกันตัวผู้ที่ถูกจับกุมในการสลายการชุมนุมที่ผ่านมา

 
 
 
วานนี้ (19 ก.ย.53) นปช.ภูพาน อันประกอบด้วย ประชาชนคนเสื้อแดงในเขตรอยต่อ 4 อำเภอของ 3 จังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขาภูพาน ได้แก่ อ.เขาวง – อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์, อ.ภูพาน จ.สกลนคร และ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ร่วมกันจัดงานรำลึก 19 กันยา 4 ปี รัฐประหาร 4 เดือน พฤษภาอำมหิต โดยการเคลื่อนขบวนปักธงแดงและผูกผ้าแดงตามเขตชุมชนที่อยู่บนเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง อ.เขาวงและ อ.นาคู เป็นระยะทางราว 10 กม. และเนื่องจากรถเครื่องเสียงที่ทางกลุ่มเตรียมไว้เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถใช้การได้ ขบวนจึงเคลื่อนไปโดยใช้การบอกเล่าปากต่อปาก การแจกเอกสาร และปิดสติ๊กเกอร์ โดยมีประชาชนสองข้างทางให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
 
นับถอยหลังไปราว 40 ปี ก่อน ประชาชนในเขตเทือกเขาภูพานเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอาวุธกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเพื่อปลดแอกอำนาจรัฐที่กดขี่ ธงแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยโบกสะบัดเหนือเทือกเขาภูพาน บ่งบอกถึงการต่อต้านกับอำนาจรัฐ  ในวันนี้ ประชาชนในพื้นที่เดียวกันนี้ออกมาเคลื่อนไหวปักธงแดงตามสองข้างทางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยด้วยสันติวิธีที่ยังดำรงอยู่ บ่งบอกถึงการไม่ยอมจำนนและหวาดกลัวต่ออำนาจรัฐที่ปราบปรามและข่มขู่ คุกคาม ตราบเท่าที่อำนาจยังไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และความเป็นธรรมยังไม่มีในสังคมไทย
 
พร้อมกันนี้ ทาง นปช.ภูพานยังได้เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงานบุญอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเดือนเมษา-พฤษภา 53 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 กันยายนที่จะถึงนี้ ณ บ้านหนองผือ อ.เขาวง อันเป็นบ้านของอัครเดช ขันแก้ว หรือ อ๊อฟ อาสาพยาบาล หนึ่งในหกผู้เสียชีวิตในวัดปทุมฯ ในงานนี้ นอกจากจะมีพิธีทางศาสนาตามประเพณีแล้ว ในช่วงเย็นจะมีเวทีปราศรัย อันถือเป็นเวทีแรกในพื้นที่นี้และใกล้เคียง หลังการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พฤษภา
 
วันเดียวกันนั้น เมื่อเวลา 17.00 น.ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) ร่วมกับชมรมวรรณกรรมเยาวชน และกลุ่มนักศึกษาผู้รักประชาธิปไตย จัดกิจกรรมรำลึกสี่เดือนราชประสงค์ – สี่ปีรัฐประหาร ซึ่งภายในงานประดับประดาไปด้วยลูกโป่งสีแดงนับร้อยลูก 
 
จัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ถึง 19 พฤษภาคม 2553และการเคลื่อนไหวของทหารในเหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2553, ป้ายผ้าข้อความเพื่อต่อต้านการรัฐประหารและเผด็จการทางการเมือง รวมถึงป้ายเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ผ่านมาและการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน นอกจากนั้นยังมีการแสดงดนตรีที่ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประชาธิปไตย และการปราศรัยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบของตัวแทนกลุ่มนักศึกษา 
 
ส่วนด้านข้างของเวทีกิจกรรมมีการใช้หินสีประกอบเป็นรูปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีนักศึกษาที่สนใจร่วมกันสร้างขึ้น นอกจากนั้นยังมีการวางป้ายผ้าเพื่อให้ผู้สนใจได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับนักศึกษาได้ร่วมกันจุดเทียนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 19 กันยายน และไว้อาลัยแด่ระบอบประชาธิปไตยของไทย นอกจากนั้นในตอนเช้าของวันเดียวกันนักศึกษากลุ่มดังกล่าวได้ร่วมทำบุญกับประชาชนกว่าสามร้อยคน ที่วัดทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิตหลังการสลายการชุมนุม
 
ก่อนหน้านี้ผู้จัดงานทำบุญในได้วางแผนงานไว้ว่าจะมีกิจกรรมการปล่อยลูกโป่งสีแดงถึงฟ้า แต่ต้องระงับไปเนื่องจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สั่งห้ามปล่อยลูกโป่งสีแดง เนื่องจากกล่าวหาว่าการกระทำดั่งกล่าวเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะถอนการประกันตัวของผู้จัดงานหลังจากที่ถูกจับกุมในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่ผ่านมา
 
มนัส ทองชื่น รองเลขาธิการ สนนอ.ฝ่ายประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาปัญญาชนได้ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว การยึดอำนาจประชาชนและฉีกรัฐธรรมนูญของประชาชนทิ้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในประเทศไทย ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประชาธิปไตยบอบช้ำและการกระทำที่เผยให้เห็นปรากฏการณ์และธาตุแท้ของกลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์โดยการเหยียบหัวประชาชน ครบ สี่ ปี่แล้ว ประเทศไทยได้อะไรจากการกระทำอันป่าเถื่อนครั้งนี้บ้าง 
 
สิ่งที่เห็นคือการเดินถอยหลังดิ่งลงเหวของประชาธิปไตยและเป็นการรำลึก ครบสี่เดือน ที่ราชประสงค์ที่รัฐบาลทรราชสั่งการล้อมปราบประชาชนภายใต้วาทกรรมกระชับวงล้อมและขอคืนพื้นที่ในวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เลือดและน้ำตาท่วมท้นบนแผ่นดินเพียงเพราะคิดเห็นต่างทางการเมืองมาถึงตอนนี้ความเจ็บปวดของประชาชน ไม่เคยจางหายไป มีแต่จะทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของผู้ที่รักประชาธิปไตยและพร้อมจะลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตยเสรีสมบูรณ์ และวันนั้นประชาชนจะใหญ่ในแผ่นดิน มนัสกล่าว
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net