Skip to main content
sharethis

กลุ่ม “กวีตีนแดง” กับภารกิจของกวีภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน FREE WRITE AWARD ครั้งที่ 1 : ประกวดบทกวีเพื่อเสรีภาพ ความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์

บนดินแดนที่ผู้ยากไร้ถูกเข่นฆ่า ด้วยความผิดเพียงข้อหาเดียวคือ “สะเออะลุกขึ้นมาเรียกร้องศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์ที่เท่าเทียม”   และความตายของพวกเขาถูกละเลยอย่างน่าตกใจ   สะท้อนความไม่ปกติของเมืองแห่งศีลธรรมที่ต้นไม้รอบสนามหลวงออกผลเป็นจริยธรรมสีทอง   เกร่อไปทั่วเมือง    
เมื่อประชาชนมือเปล่าสู้จนหลังพิงฝา เหลียวหน้าแลหลังไม่เห็นผู้ใด ในความว่างเปล่า พวกเขาบอกแก่กันและกันอย่างน่าเศร้าว่า  “มีเพียงเราเท่านั้น โดดเดี่ยวในคืนวันอันยากแค้นลำเค็ญ”
เมื่อพวกเขาถูกเข่นฆ่า ด้วยสองมือไร้ศัสตราวุธใดๆ   ในสมรภูมิแห่งอธรรม  ภายใต้กติกาโสมมที่ผู้ถูกเหยียบย่ำไม่อาจต่อกร ---  มวลกวีไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป 
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันทารุณ มีเพียงปากกาอันแหลมคมของกวีเท่านั้น ที่จักแทนหอกดาบแหลนหลาว...พุ่งเข้าประจันผู้เข่นฆ่าที่เลือดเย็น
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเหี้ยมโหด  มีเพียงวาทะอันหนักแน่นดุจหินผาของกวีเท่านั้น   ที่จักตระหง่านเป็นกำแพงเหล็กกั้นปกป้องมวลชนให้พ้นจากอาวุธร้าย     
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเดียวดาย มีเพียงถ้อยคำอ่อนไหวจากก้นบึ้งหัวใจของกวีเท่านั้น ที่จักปลอบประโลมผู้แพ้ให้คลายเจ็บปวดทรมานจากบาดแผล...และฝันร้าย 
เมื่อมวลกวีแห่งรัตนโกสินทร์ต่างพร้อมใจกันถอนคำสาปของ ฌอง ปอล ซาร์ต ที่ว่า “มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ”  พ้นไปจากอาณาจักร   บางกวีเอาใจออกห่างจากผู้ยากไร้  ไปซบแทบเท้าฝ่ายกดขี่   โดยมินำพาต่อเลือดเนื้อและน้ำตาแห่งความยากแค้นของประชาชนที่ไหลตกต้องนองแผ่นดิน   --- แล้วไยเราต้องรอคอยกวีใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เหล่านั้นลงจากวอทองมาเช็ดน้ำตาให้ประชาชน   
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงมีเพียงเราเท่านั้น!!!     
กลุ่ม “กวีตีนแดง” ซึ่งเติบใหญ่ขึ้นมาบนบ่าเทียมแอกของประชาชนผู้ยากไร้ ขอเชิญชวนมวลกวีน้อยใหญ่มาร่วมปฏิบัติภารกิจของกวีภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน  ด้วยความเชื่อที่ว่า กวีมิใช่เพียงผู้นั่งจิบไวน์ภายใต้แสงจันทร์ แล้วคิดฝันถึงถ้อยคำไพเราะหวานหู   และบทกวีก็มิใช่เพียงกลุ่มคำที่ถูกร้อยเรียงอย่างวิจิตรโดยช่างเทคนิคทางภาษา  ทว่าปราศจากเจตจำนงเสรีและจุดยืนแห่งยุติธรรม
แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย
จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย
ต่อผองเหล่านวชนเกิดกร่นราย
จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน
บทกวีโดย หลู่ซวิ่น
แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์
 
--- และภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินอันเดียวดายเช่นนี้  ใครก็ตามที่ลุกขึ้นสู้กับผู้กดขี่อย่างซื่อสัตย์ต่อเจตจำนงเสรีของตน    อาวุธของคุณคือบทกวี  เช่นนั้นคุณต้องเป็นกวี...และคุณต้องเขียนบทกวี!!!
เพื่อลบคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้น...เพื่อมวลชน”

บทกวีโดย อเวตีก อีสสากยัน (Awetik Issaakjan)  กวีประชาชนแห่งอาร์มาเนีย แปลโดย  จิตร ภูมิศักดิ์ ในนามปากกา “ศรีนาคร”

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net