เครือข่ายคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข เตรียมเข้าพบนายกฯ เสนอตั้งเวทีสมัชชาผู้ปฏิบัติงานในระบบสาธารณสุขเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับ ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข/ภาคประชาชนปฏิญาณตนทำเพื่อส่วนรวม ด้านผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบไม่เห็นด้วยหมอค้านพ.ร.บ.
8 ส.ค.53 8 ส.ค.53 นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ หัวหน้าหน่วยประสานงานสื่อมวลชน เครือข่ายคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข (คปส.) กล่าวว่า คปส.ได้นัดหารือร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเห็นควรว่า ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ควรพิจารณาอย่างรอบด้านในทุกภาคส่วน
"ขอเสนอทางออกให้รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการจัดเวที สมัชชาผู้ปฏิบัติงานในระบบสาธารณสุขไทยทุกสาขาทุกสังกัด โดยมุ่งเน้นประเด็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายฯ เป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลจะมอบให้หน่วยงานใดหรือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นเจ้าภาพในการจัดก็ได้"นพ.ฐาปนวงศ์กล่าว
ทั้งนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับทางสำนักนายกรัฐมนตรี ในการขอเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพื่อยื่นข้อเสนอดังกล่าว โดยหากเป็นไปได้อาจเข้าพบในอีก 1-2 วันนี้ เพื่อให้จัดการปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยข้อเสนอของทาง คปส.จะแตกต่างจากทาง สธ. เนื่องจากสธ. ออกมาระบุว่าจะเพิ่มสัดส่วนกรรมการ โดยดึงแพทย์จากสังกัดต่างๆเข้ามาร่วม แต่ คปส.มองว่า ควรดำเนินการในระดับวงกว้างทั้งประเทศ
นพ.ฐาปนวงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับการล่ารายชื่อบุคลากรสาธารณสุข 10,000 ชื่อเพื่อถอดถอน นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานองค์การเภสัชกรรม (อภ.) นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธาณสุข (สวรส.)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่มีการพูดถึง คปส.เกี่ยวกับข้อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวในทางลบ และเมื่อทุกอย่างครบถ้วนจะเสนอต่อรัฐบาล และจะดำเนินการควบคู่กับข้อเสนอตั้งสมัชชา
โพลชี้ ปชช.ไม่เห็นด้วยหมอ-บุคคลากรแพทย์ค้านพรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย
รศ. ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจ"หาดใหญ่โพล " ซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,198 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคม 2553 สรุปผลการสำรวจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 82.5 เห็นด้วยให้มี พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข มีเพียงร้อยละ 17.5 ที่ไม่เห็นด้วยให้มี พ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 61.4 เห็นว่าหากมีการใช้พ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข ประชาชนจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด รองลงมา คือ ผู้เสียหายและเครือญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ คิดเป็น ร้อยละ 32.4 และ 6.1 ตามลำดับ
รศ. ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจ"หาดใหญ่โพล " ซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,198 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคม 2553 สรุปผลการสำรวจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 82.5 เห็นด้วยให้มี พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข มีเพียงร้อยละ 17.5 ที่ไม่เห็นด้วยให้มี พ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 61.4 เห็นว่าหากมีการใช้พ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข ประชาชนจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด รองลงมา คือ ผู้เสียหายและเครือญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ คิดเป็น ร้อยละ 32.4 และ 6.1 ตามลำดับ
ส่วนความคิดเห็นต่อความขัดแย้งของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ หากมีการใช้พ.ร.บ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 79.4 เห็นว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยที่ประชาชนร้อยละ 51.6 เห็นว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ระดับมาก และร้อยละ 27.8 เกิดความขัดแย้งระดับน้อย มีเพียงร้อยละ 20.6 เห็นว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์
ประชาชนร้อยละ 51.6 ไม่เห็นด้วยที่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ เรียกร้องไม่ให้มีการฟ้องคดีอาญาอันเนื่องจากการประกอบวิชาชีพ และร้อยละ 48.4 เห็นด้วยไม่ให้มีการฟ้องคดีอาญากับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 64.4 ไม่เชื่อว่าจะเกิดสถานการณ์ผู้ป่วยหนักมาเข้ารับการรักษาเพื่อขอรับเงินชดเชย มีเพียงร้อยละ 35.6 ที่คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นหากมีการใช้ พรบ.ฉบับนี้
ส่วนแนวโน้มหากมีการใช้ พรบ. คุ้มครองความเสียหายจากการบริการสาธารณสุข พบว่า ประชาชน คิดว่าคุณภาพในการรักษาผู้ป่วย มีแนวโน้มจะดีขึ้น มากที่สุด รองลงมา ผู้ป่วยได้รับการคุ้มครองและชดเชย รวดรวดขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ มีแนวโน้มจะดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ประชาชนคิดว่าการฟ้องร้องบุคลากรทางการแพทย์ มีแนวโน้มลดลงแต่ไม่เด่นชัดมากนัก ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน พบว่า ประชาชนมีความวิตกกังวล คาดว่ามีแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น
ภาคประชาสังคมปฏิญาณตน ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม
ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 ส.ค.เวลาประมาณ 9.00 น. ตัวแทนภาคประชาสังคมในคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข พร้อมกันไปสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งทรงเป็นสมเด็จพระราชบิดาแห่งการแพทย์ไทย พร้อมประกาศเจตนารมณ์การผลักดันกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข ก่อนการร่วมประชุมคณะกรรมการฯ
คำประกาศเจตนารมณ์
การผลักดันกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข
พวกเราในนามของกลุ่มองค์กรผู้บริโภค องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ที่ได้ร่วมมือกันในการเข้าชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ขอประกาศเจตนารมณ์ ต่อพระราชบิดา ดังนี้
โดยที่ปัจจุบันพบว่า การให้การช่วยเหลือเบื้องต้นกับผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขธรรมดา และยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง)เท่านั้น ไม่รวมถึงระบบสวัสดิการข้าราชการ ระบบประกันสังคม และ ประชาชนผู้รับภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลด้วยตัวเอง ทำให้ผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขไม่มีทางเลือกในการดำเนินการที่จะได้รับการชดเชยความเสียหาย นอกจากต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นภาระในการดำเนินการและมีอุปสรรคมากมาย ที่สำคัญส่งผลทางลบต่อความสัมพันธ์ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขกับผู้ป่วย
ดังนั้นการมีกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ที่ครอบคลุมทุกคนโดยมีเป้าหมายเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด ลดคดีความในการฟ้องร้องและลดความขัดแย้งระหว่างแพทย์กับคนไข้ สนับสนุนการพัฒนาความปลอดภัยของผู้ป่วยและยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาล รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนชดเชยความเสียหายจากบริการสาธารณสุขจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
พวกเรา ขอปฏิญาณต่อหน้าพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระราชบิดาแห่งการแพทย์ไทยว่า การทำหน้าที่ของพวกเรา กลุ่มองค์กรผู้บริโภค องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ที่ได้ร่วมมือกันในการเข้าชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... จะเป็นไปเพื่อหลักการสำคัญ 3 ประการของของกฎหมายที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา คือ |
1. มีการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและและมีความเสียหาย
2. มีระบบพัฒนาป้องกันความเสียหาย
3. ผู้ให้บริการทำงานอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลเรื่องการฟ้องร้อง
ไม่มีการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนอย่างเด็ดขาด
และในโอกาสที่พวกเราได้มาประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่บ้าง ขอให้การประชุมที่จะมีขึ้นเป็นการถกแถลงด้วยเหตุด้วยผลและร่วมมือร่วมใจกันพัฒนากฎหมายฉบับนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนสมดั่งคำสอนของพระราชบิดาที่ว่า
"อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีจะไม่ร่ำรวย แต่ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวยก็ควรประกอบอาชีพอื่น ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์"
ประกาศ ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2553 ณ กระทรวงสาธารณสุข
“ร่วมพิทักษ์คุณธรรมความเป็นแพทย์
ร่วมระแวด ระวังภัยได้รักษา
ร่วมให้คนป่วยไข้ได้พึ่งพา
ร่วมสนองพระเจตนาการุณยธรรม”
โดย อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ที่มาบางส่วน: www.posttoday.com, www.matichon.co.th
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)