Skip to main content
sharethis

รัฐบาลยังคงตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนหลังการคืนพื้นที่บางส่วน

19.00 น. ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)  กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์  นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ศอฉ. โดยมีนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุม  ว่า  มีประเด็นสำคัญๆ ดังนี้ 1.เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทั่วไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาภายในวันนี้ มีการสรุปสถานการณ์ว่ามีการเคลื่อนไหวของมวลชนบ้างในบางพื้นที่ของภูมิภาค ขณะนี้ได้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เปลี่ยนแปลง อาทิ การเคลื่อนไหวแบบแอบแฝงพบปะกัน มีการจุดประเด็นความคิดใช้แนวทางในการผลักดันให้ประชาชนใช้ความเดือดร้อนเป็นประเด็นในการชุมนุม ซึ่งทางรัฐบาลจะได้มีการจับตาดูความเคลื่อนไหวต่อไป โดยภาพรวมยังถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยังต้องจับตาอยู่ในส่วนภูมิภาค  2.เรื่องการประเมินสถานการณ์ในเขตกรุงเทพมหานคร ยังคงมีการตรึงกำลัง และจุดตรวจไว้ในคืนนี้ในบริเวณพื้นที่ชั้นนอก 17 จุด และชั้นใน 16 จุด และการจัดตั้งจุดตรวจร่วมเพื่อรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญๆ ประมาณ 17 แห่ง อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นมีการลาดตระเวนร่วมของเจ้าหน้าที่ประมาณ 15 ชุด

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  รัฐบาลขอยืนยันและให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีการคืนพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรุงเทพมหานครในการดูแลเรื่องของสาธารณูปโภคให้เข้าไปปรับสภาพ ในส่วนของการทำงานด้านความปลอดภัยยังมีอยู่ต่อไป  มีการลาดตระเวนของชุดลาดตระเวนร่วม และชุดเคลื่อนที่เร็วที่ทำงานร่วมกับกองทัพบก กองทัพอากาศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการตรวจค้นอาวุธในพื้นที่สวนลุมพินี เพื่อหาอาวุธเพิ่มเติมและสร้างความมั่นใจว่าพื้นที่นี้มีความปลอดภัย ก่อนที่จะมีการคืนพื้นที่ 

นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดในการซ่อมและติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ถูกทำลายในหลายๆ แห่ง  โดยในที่ประชุมได้กำหนดว่าในบริเวณพื้นที่บริเวณราชประสงค์ ซึ่งมีสถานทูตอยู่ประมาณ 21 แห่ง อาจจะเปิดทำการได้ในวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมนี้  ถ้าพรุ่งนี้มีการทำความสะอาดและซ่อมระบบสาธารณูปโภคเป็นไปตามแนวทางที่ ศอฉ.ได้กำหนดไว้  ก็จะมีการเปิดเส้นทางคมนาคมได้ตามปกติ อาทิ ถนนเพชรบุรี ถนนพญาไท ถนนวิทยุ ถนนราชปรารภ และอื่นๆ ตามประกาศปิดเส้นทางคมนาคมของ ศอฉ.ลงวันที่ 13 พฤษภาคม  2553
 
กทม.ชวนประชาชนทำความสะอาดกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ เริ่ม 9 โมง 23 พ.ค.

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม (สวล.) และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้ข้อสรุปว่า กทม.จะลงพื้นที่ทำความสะอาดใหญ่กรุงเทพฯ ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งประชาชนที่สนใจจะช่วยกันทำความสะอาดเมืองครั้งนี้ ให้มารวมตัวที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี โดยหากเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเองด้วยก็ได้ ทั้งนี้จะอนุญาตให้ประชาชนร่วมทำความสะอาด 3 จุด ได้แก่ 1.ถนนสีลมทั้งเส้น 2.ถนนพระรามที่ 4 ทั้งเส้น และ 3.ถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกศาลาแดง-แยกสารสิน

มติ สส.เพื่อไทย ยื่นซักฟอก 'มาร์ค'- 4 รมต.

13.30 น.ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการสลายการชุมนุม ว่า ในฐานะที่ตนเคยรับราชการเป็นนายตำรวจกองปราบปรามสามยอด เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2519 มีความละม้ายคล้ายคลึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือน พ.ค. 53 นี้ 4 ประเด็น คือ 1. มีการกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกัน 2. ปี 19 มีการปลุกระดมผ่านสถานีวิทยุยานเกราะและเครือข่ายวิทยุของทหารว่ามีคอมมิวนิสต์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คราวนี้ก็มีการปลุกระดมผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐ โดยเชิญคนที่เป็นปฎิปักษ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปออกรายการเพื่อใส่ร้ายอย่างต่อเนื่อง

3. ปี 19 หลังเหตุกาณ์สงบ ตนเป็นผู้หนึ่งที่เข้าไปตรวจค้นอาวุธใน มธ.และพบอาวุธจำนวนมาก ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใคร แต่ฝ่ายรัฐในขณะนั้นได้กล่าวหาว่าเป็นของนักศึกษาและเวียดนาม ที่เอามาซุกซ่อนระหว่างการชุมนุม ทำให้ประชาชนในขณะนั้นเชื่อว่านักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่หลังจากสลายการชุมนุมมีการไปพบอาวุธและ เจอกระสุนปืนและอาวุธสงคราม รัฐกล่าวหาว่าเป็นของกลุ่มผู้ชุมนุม และ 4. การเรียกขานกลุ่มผู้ชุมนุมในปี 19 ว่า คอมมิวนิสต์ แต่คราวนี้รัฐเรียกว่าผู้ก่อการร้าย

"เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเวลาจะผ่านมา 34 ปี แต่แนวคิดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมรำคาญเหลือเกินโดยเฉพาะจอมพล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่อยู่กับทหารพักเดียวก็เคลิ้มตาม"

ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า จากเหตุผลทั้งหมด ตนได้เสนอที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขอยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีอีก 4 คน ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ซึ่งตนมั่นใจว่าที่ประชุมพรรคจะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้

ทั้งนี้ หวังว่านายกฯ จะเปิดให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนพอ เสร็จสิ้นแล้วค่อยพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2554 ต่อ รัฐบาลอย่าอ้างว่าจะปิดสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เนื่องจากการนำความกราบบังคมทูลขอปิดสภาสมัยวิสามัญเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าหากรัฐบาลไม่เปิดทางให้มีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมพิจารณางบประมาณปี 2554 ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะต้องหารือกันก่อน หากที่ประชุมมีมติเห็นตามตน วันที่ 24 พ.ค.ก็สามารถที่จะยื่นญัตติได้ทันที ส่วนประเด็นการอภิปรายนั้นมีหลายประเด็น อาทิ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ที่ในขณะนั้นที่เป็นอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ลงชื่อรับรองงบดุล ซึ่งมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา ส่วนนายโสภณ เป็นประเด็นการเปิดประมูลงบประมาณโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่พบว่ามีการนำงบส่วนอื่นไปใส่ในงบก่อสร้าง เอื้อประโยชน์ให้กับ บ.ซิโนทัยของนายชวรัตน์ สำหรับประเด็นของนายกรณ์ เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงที่มีการประท้วงและระเบิดกันนั้น ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีบางคนรวยจากการเล่นหุ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่เคยมี พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีนักการเมืองนัดล็อบบี้อัยการสูงสุด และมีการใช้เงิน 10 ล้านบาทเพื่อจัดหาพยานหลักฐานเท็จ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่รู้จักอัยการสูงสุด และไม่จำเป็นต้องล็อบบี้หรือจัดการพยานหลักฐานเท็จ ซึ่งเรื่องอย่างนี้ใครจะไปล็อบบี้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมพรรคมีมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ กับรัฐมนตรี 4 คน คือ นายกรณ์ นายกษิต นายชวรัตน์ และนายโสภณ โดยในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค.ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) จะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา และช่วงบ่ายจะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

"เผาเซ็นทรัลเวิลด์เป็นการสร้างสถานการณ์ มือที่สาม ตอนเขาประกาศสลาย ระเบิดลงตูม ตูม ตูม ถ้าเขาจะเผาจริงต้องเผาโรงแรมคอนติเนลตัน เพราะลูกเขยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง หลุยส์วิตตองราคาแพง อยู่ติดที่ชุมนุมไม่มีใครทุบเลย ส่วนมุขงมน้ำแล้วเจอเป็นปืน เป็นลิเกบทเก่า ตั้งแต่ปี 2516 เขาใช้มุขนี้กัน อย่างการขึ้นไปยิงบนอาคารสถานที่ ไม่มีทางที่ตาสีตาสาจะขึ้่นไปยิงได้ ถ้าอยากรู้ว่า ยิงแล้วหนีอย่างไร ผมจะบอกให้ในการอภิปราย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ตร.เข้าค้น โรงแรมวโรรสฯ เจออาวุธ-ระเบิด แถมยึด-อายัดอุปกรณ์เครื่องส่งวิทยุเสื้อแดง

11.30 น.วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ต.อ.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ นำหมายค้นตามคำสั่งนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้บัญชาการกำลัง จ.เชียงใหม่ พร้อมสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน 1 กองร้อย เข้าตรวจค้นโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซ เลขที่ 64 ถ.อินทวโรรส ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

จากการตรวจค้นห้องพักจำนวน 70 ห้อง ภายในตัวโรงแรมและห้องส่งสถานีวิทยุที่อยู่ด้านข้างซึ่งมีการแบ่งเป็นห้องส่ง สำนักงาน ห้องพัก และมีประตูทะลุออกไปด้านหลังได้ เจ้าหน้าที่ตรวจสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมากอาทิ ระเบิดแสวงเครื่องทั้งประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปองกว่า 20 ลูก แกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิง เสื้อเกราะ มีด กุญแจมือ หนังสติ๊กพร้อมกระสุนหิน ซองปืน ขวดเตรียมบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง บัตรประจำตัวสมาชิกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และนปช.แดงกลางจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังได้ ยึดและอายัดอุปกรณ์เครื่องส่งวิทยุทำให้การออกอากาศต้องหยุดลง

กรมพินิจฯ เผยมีเยาวชนเสื้อแดงถูกคุมตัว 20 คน

นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงการควบคุมตัวเด็กและเยาวชนที่ร่วมการชุมนุม และก่อเหตุลักทรัพย์ วางเพลิงว่า ขณะนี้ มีเด็กและเยาวชนจำนวน 20 คน อยู่ในการควบคุมของกรมพินิจฯ โดยควบคุมอยู่ที่ศูนย์แรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา

ทั้งนี้ เด็กส่วนใหญ่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจซึ่งห้ามบุคคลใด มีพฤติการณ์หรือน่าเชื่อว่า เข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม (สนับสนุนเครื่องเสียงให้แก่ผู้ชุมนุม) เพื่อกระทำการที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนเข้ามา ในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง นอกจากนี้ มีบางคนที่ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์และวางเพลิง โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเด็กไว้แล้ว

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า เด็กส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดและมีพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เป็นผู้ ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เจ้าหน้าที่บ้านเมตตาได้ทยอยแจ้งผู้ปกครองของเด็กให้ทราบว่าอยู่ในการควบคุม ของกรมพินิจฯ รวมทั้งได้ซักประวัติ และสืบเสาะข้อเท็จจริงของการกระทำ และจะเปิดให้พ่อแม่และผู้ปกครองเด็กยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พ.ค. เป็นต้นไป ในรายที่คดีไม่รุนแรง หรือมาร่วมชุมนุมอย่างเดียวไม่ได้วางเพลิง ลักทรัพย์โดยก่อนปล่อยตัว เด็กทุกคนจะต้องพบนักจิตวิทยาเพื่อผ่านโปรแกรมเสริมทักษะเชิงบวก สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ

อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวด้วยว่า กระบวนการดูแลของกรมพินิจฯ ไม่มองที่ฐานความผิดเป็นที่ตั้ง แต่มองที่ความเป็นเด็ก หากรายใดไม่มีผู้ปกครอง หรือพ่อแม่ถูกควบคุมตัวอยู่เช่นกันก็จะต้องอยู่ที่บ้านเมตตาไปก่อนหรือจัดหา องค์กรเอกชนด้านเด็กเข้ามารับเด็กไปดูแลแทน ทั้งนี้ กรมพินิจฯ จะสืบเสาะข้อเท็จจริงว่า อะไรเป็นต้นเหตุของการก่อเหตุหรือมาชุมนุม แล้วเสนอต่อศาลภายใน 30 วัน นับจากวันที่เด็กถูกจับ

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net