Skip to main content
sharethis

‘เทพไท’ ประเมินค่าใช้จ่ายหากมีม็อบเสื้อแดงยืดเยื้อ 7 วัน คาดใช้เงิน ‘ทักษิณ’ เป็นพันล้าน แนะ พล.อ.ชวลิต วางตัวผู้สมัครภาคใต้ ‘เชื่อ’ คนใต้จะสอนบทเรียนให้เอง

20 ก.พ. 53 - นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวที่พรรคฯ ถึงกรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่หน้าธนาคารกรุงเทพฯ บริเวณถนนสีลมว่า เป็นการชุมนุมในย่านธุรกิจสำคัญของประเทศ ซึ่งภาพที่ออกมาเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ และทำให้ธุรกิจบริเวณ ถ.สีลมมีปัญหารวมไปถึงทำให้การจราจรติดขัดทั่วกรุงเทพฯ รวมทั้งอาจกระทบความเชื่อมั่นของประเทศที่มีต่อนักลงทุน ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
         
อย่างไรก็ตามนายเทพไทเห็นว่าจากการชุมนุมวานนี้ มีจำนวนคนไม่มากนัก ซึ่งเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าคนกรุงเทพฯ ไม่สนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ
         
“คนเสื้อแดงคงคาดหวังจากมวลชนจากต่างจังหวัด ซึ่งอยากเรียกร้องพี่น้องในต่างจังหวัดได้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง จึงไม่ควรตกเป็นเหยื่อของคนเสื้อแดงเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ผมอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนได้แสดงออกถึงท่าทีการคัดค้านต่อการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจ นักลงทุน รวมถึงธุรกิจภาคท่องเที่ยว จะต้องออกมาแสดงท่าทีให้คนเหล่านี้ได้เห็นว่าการชุมนุมสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและธุรกิจโดยส่วนรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายเทพไท
         
นอกจากนี้นายเทพไท กล่าวว่า หากจะดูความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามจริงจังกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการโฟนอินไปเวทีต่างจังหวัดโดยใช้รูปแบบธนกิจการเมือง ในลักษณะเงินต่อเงิน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการใช้ปัจจัยเรื่องการเงินมาหลอกล่อซึ่งทำกับแกนนำคนเสื้อแดงไม่พอ แล้วยังโปรยยาหอมไปยังมวลชนคนรากหญ้าอีกด้วย
         
ส่วนความเคลื่อนไหวบนเวทีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่กล่าวว่าการชุมนุมต่อไปจะยืดเยื้อประมาณ 7 วัน จะต้องใช้รถกระบะขนส่งมวลชนเข้าร่วมประชุมไม่ต่ำกว่า 1 แสนคัน ซึ่งเรื่องนี้นายเทพไทประเมินว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
         
“ผมประเมินจากรถปิ๊กอัพ 1 แสนคัน ค่าเช่าวันละ 2 พันบาทต่อคัน จะใช้เงินประมาณ 200 ล้านต่อวัน ถ้าใช้เวลา 7 วันจะต้องคูณเข้าไปดูจำนวนเท่าไหร่ มวลชนที่ขนมาผมคิดว่าจะต้องมีค่ากินอยู่ ค่าเบี้ยเลี้ยงซึ่งมีอัตราในการชุมนุมในจังหวัดจะใช้ 300 บาท ชุนนุมต่างจังหวัดใช้อัตรา 500 บาท ค่าบริหารจัดการ ค่าหัวคิว ซึ่งผมประเมินว่ามวลชนก็อาจจะไม่ถึงล้านตามที่ประกาศไว้ แต่ตีให้สูงสุดประมาณ 1 แสน ค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาทต่อคน วันหนึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 50 วัน ฉะนั้นถ้ายืดเยื้อประมาณ 7 วันผมคิดว่าใช้เงินเป็นจำนวนนับพันล้าน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากที่พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องลงทุน” นายเทพไทกล่าว
         
สำหรับข้อกล่าวหาของรัฐบาลที่อ้างว่ามีการเบิกกระสุนยางมาจำนวน 6 หมื่นนัดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบนั้นนายเทพไทกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการปูดข่าวขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายรัฐบาล และตนขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการเตรียมการที่จะใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดงแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์สงกรานต์เลือดก็บ่งบอกชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมโดยสันติ ไม่มีการสูญเสียจากฝ่ายรัฐบาลแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นการใส่ร้ายรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มวลชนเข้าร่วมการชุมนุมมากเท่านั้นเอง
         
ส่วนข้อกล่าวหารัฐบาลที่อ้างว่ารัฐบาลพยายามแจกหนังสือ และซีดี ขบวนการล้มเจ้า แล้วโยนความผิดให้คนเสื้อแดงนั้น นายเทพไทกล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่เคยคิดที่จะดำเนินการเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง แต่พฤติกรรมของคนเสื้อแดงนั้นเคลื่อนไหวสอดคล้องกับขบวนการล้มเจ้าจริง ๆ

“ต้องดูว่าท่าทีของคนในระบอบทักษิณ นับตั้งแต่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้พูดถึงทฤษฎีล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า พูดถึงสภาเปรซิเดียม พูดถึงปฏิญญาฟินแลนด์ พูดถึงปฏิวัติโรมานอฟของรองประธานสภาฯ การสัมภาษณ์นิตยสาร Time Online ของพ.ต.ท.ทักษิณ และล่าสุดการพูดถึง โปลิสบูโร ของ รตอ.เฉลิม ว่าพรรคเพื่อไทยได้มีคณะกรรมการบริหารสูงสุด 1 ชุด และล่าสุด โดยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ ได้พูดเลยว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีการบริหารแบบพรรคคอมมิวนิสต์ โดยพรรคสามารถคุมนายกฯ ปลดนายกฯ มีฝ่ายบริหารกำหนดนโยบาย โดยจะบริหารแบบรถไฟรางคู่ เป็นฝ่ายการเมืองกับฝ่ายบริหาร ซึ่งทั้งหมดเป็นพฤติกรรมของคนในระบอบทักษิณชัดว่า เป็นเรื่องของขบวนการล้มเจ้าจริง ๆ รวมไปถึงบุคคลที่นำมาเคลื่อนไหวตั้งแต่กลุ่มแดงสยาม นายใจ อึ้งภากรณ์ นายสุรชัย แซ่ด่าน นายจักรภพ เพ็ญแข นายสุชาติ นาคบางไทร และดา ตอปิโด ล้วนแล้วแต่มีการเคลื่อนไหวที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงตลอดเวลา ซึ่งผมคิดว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำหนังสือหรือแจกซีดีเพื่อเผยแพร่เรื่องนี้ พฤติกรรมของคนในระบอบทักษิณสามารถที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าคนเหล่านี้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเป็นขบวนการล้มเจ้านั้นจริงหรือไม่” นายเทพไทกล่าว

แนะ พล.อ.ชวลิต วางตัวผู้สมัครภาคใต้ ‘เชื่อ’ คนใต้จะสอนบทเรียนให้เอง

นอกจากนี้นายเทพไทได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศแต่งตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานภาคใต้ และเป็นแม่ทัพคุมการเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยประกาศที่นั่ง 50 ที่นั่งและเหลือ 4 ที่นั่งให้กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นว่า เรื่องนี้เป็นความเพ้อฝันของพล.อ.ชวลิต หากย้อนกลับไปดูวันที่พล.อ.ชวลิตรุ่งโรจน์ที่สุด เป็นหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ เสนอโครงการฮารับบันบารูขึ้นมาหาเสียง ที่นั่งของพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้นทั้งภาคใต้ได้ 5 ที่นั่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
         
“หลังจากนี้คงจะเห็นมหกรรมนับญาติของพล.อ.ชวลิต จากเมื่อก่อนไปรับจ้างกับสุลต่านที่มาเลฯ เที่ยวนี้ก็คงจะก้าวหน้าไปนับญาติกับสุลต่านที่อินโดนีเซีย แต่ที่น่าแปลกใจคือขุนพลที่พรรคเพื่อไทยประกาศก็คือจะให้คุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อคุมอ่าวไทย ให้คุณพิเชษฐ คุมอันดามัน คุณณัฐวุฒิผมไม่แน่ใจว่าคุมในน้ำ หรือคุมบนบก เพราะว่าบนบกกลับบ้านก็ยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะคุมในทะเล ส่วนคุณพิเชษฐ ซึ่งเป็นคนที่ดูดี เคยมีประสบการณ์คุมผู้สมัครในภาคใต้มาแล้ว แล้วก็ประสบความล้มเหลว เอาเงินไปทุ่มจำนวนมาก แต่คนภาคใต้บอกว่ากินเหยื่อแต่ไม่กินเบ็ด ซึ่งเที่ยวนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะหมดอีกเท่าไหร่” นายเทพไทกล่าว
         
นายเทพไทยังกล่าวอีกด้วยว่า ที่ผ่านมาถือได้ว่าคนของพรรคเพื่อไทยลงสมัครรับเลือกตั้งที่ภาคใต้ในนามพรรคพลังประชาชน คะแนนบางเขตแพ้โนโหวต การเลือกตั้งให้ได้ครบ 25% ในปี 2549 ก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ทุกเขตในภาคใต้ ตนจึงอยากเสนอในฐานะนักการเมืองด้วยกันว่า ถ้าจะให้การเลือกตั้งและการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต สมน้ำสมเนื้อ ก็ขอให้คัดผู้สมัครเป็นคนที่มีชื่อเสียง ไม่ควรเอาคนโนเนมมาลงให้เต็มพื้นที่
         
“เสนอให้แกนนำคนเสื้อแดงได้กลับไปพิสูจน์ตัวเองในพื้นที่เลือกตั้ง ดีกว่ามาเล่นการเมืองอยู่ข้างถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายวีระ มุสิกพงศ์ ก็ควรลงสมัครที่จังหวัดสงขลา หรือพัทลุง นายณัฐวุฒิ ไสเกื้อ ก็ควรไปลงที่นครศรีธรรมราช ถึงแม้ว่าจะแพ้ซ้ำซากก็ตาม คุณจตุพร พรหมพันธุ์ก็ไม่ควรมาเป็นอีแอบในระบบสัดส่วน ก็ควรไปพิสูจน์ตัวเองที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายกอแก้ว พิกุลทอง ก็ควรจะลงสมัครที่จังหวัดพังงา รวมไปถึงนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ก็ควรลงสมัครที่จังหวัดพัทลุง ถ้าเป็นอย่างนี้ผมคิดว่าจะทำให้สีสรรการเลือกตั้งในภาคใต้มีสีสรรมากขึ้น ประชาชนก็มีทางเลือกมากขึ้น” นายเทพไทกล่าว
         
นายเทพไทกล่าวว่า อย่างไรก็ตามคนภาคใต้ ก็ยังเจ็บปวดที่ได้รับบทเรียนจากการบริหารในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่พูดถึงเรื่องพื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทย แล้วจะพัฒนาพื้นที่นั้นก่อน ยังจดจำอยู่ในหัวใจของคนภาคใต้ และเชื่อว่าเงินก็ไม่สามารถซื้อคนภาคใต้ได้ ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยใช้มาตรฐาน 3 เกลอมาเป็นต้นแบบว่าเงินสามารถซื้อคนใต้ได้ และความเจ็บปวดของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พรรคไทยรักไทย หรือพรรคพลังประชาชนได้สูญพันธุ์มาแล้วนั้น ก็จะยังคงจดจำวาทะเรื่องโจรกระจอกของพ.ต.ท.ทักษิณได้ดี และจดจำเหตุการณ์ที่มัสยิสกรือเซะ และ 80 ศพที่ตากใบ รวมไปถึงอุ้มฆ่าตัดตอน ซึ่งตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะแปลงโฉมอย่างไร ประชาชนในภาคใต้ก็คงยังจดจำได้
         
“ถ้าหากว่าพล.อ.ชวลิตมั่นใจว่าสามารถที่จะกวาดที่นั่งในพื้นที่ภาคใต้ได้ 50 ที่นั่งจริง ก็อยากจะให้รอเพื่อพิสูจน์ศรัทธาจากประชาชนภาคใต้ในวันที่มีการเลือกตั้ง และคนภาคใต้ก็จะให้คำตอบและให้บทเรียนกับบุคคลเหล่านี้เอง” นายเทพไทกล่าวในที่สุด

ที่มา: เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net