นางสิมารักษ์ ณ นครพนม แม่ของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์วิศวกรไทยที่ถูกจับกุมในกัมพูชาซึ่งถูกกล่าวหาว่าจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าลูกชายโทรศัพท์หาระบุสบายดี ได้รับการดูแลอย่างดี วอนอดีตนายกทักษิณช่วยลูกชายกลับบ้าน

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่านางสิมารักษ์ ณ นครพนม อาจารย์วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ กล่าวถึงกรณีลูกชายถูกทางการกัมพูชาจับกุมข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้าว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งมาว่า คณะจากกงศุลมาพบ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ต้องรอพูดคุยหารือกันก่อน ส่วนสุขภาพจิตใจ ในฐานะที่เป็นแม่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาก เพราะทราบว่า ทุกคนพยายามช่วยกันเต็มที่ ส่วนการขอเข้าเยี่ยมลูกชาย รมว.ต่างประเทศ พยายามประสานเดินเรื่องไปยังกัมพูชาอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องสุขภาพของลูกชาย

" เพื่อมนุษยธรรม ขอกราบวิงวอน และขอความกรุณาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านเมตตาลูกชายเล็กๆคนหนึ่ง ก็ช่วยเขาหน่อยเถิด โดยเฉพาะในอดีตครอบครัวเราก็เคยอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ก็รู้จักท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ บ้าง อย่างไรก็ตามหากรอดกลับมาอย่างปลอดภัยก็จะพาลูกชายเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัด และหลังจากนั้นจะเตรียมงานบวช โดยจะบวชพร้อมกันกับน้องชายอีกคน ยืนยันว่า ลูกชายไม่ใช่สายลับอะไร และไม่รู้จักคำว่าสายลับด้วย และเราไม่ทราบอะไรเลย และถ้าลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัย จะไม่ให้ลูกชายไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว"นางสิมารักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ช่วง สายวันเดียว นางสิมารักษ์ เปิดเผยว่า ตนได้คุยโทรศัพท์กับลูกชายสั้นๆ แล้ว โดยถามว่า สุขภาพเป็นอย่างไร เพราะเป็นห่วง ซึ่งลูกชายบอกสบายดี จากนั้น จึงถามถึงสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง โดยลูกชายได้ย้ำหลายครั้ง ไม่ต้องเป็นห่วง

นางสิมารักษ์ กล่าวต่อว่า ดีใจมากที่ได้คุยกับลูกจึงลืมคำถามอื่นๆ ที่เตรียมไว้ เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ซึ่งลูกบอกว่า น่าจะต้องอยู่ในที่คุมขังอีกนาน แต่ยังไม่ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ถูกจับกุมตัว ส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศก็ยังได้ไม้แจ้งให้ทราบเพียงบอกว่าจะหา ทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งอุปทูตไทยที่กรุงพนมเปญเพิ่งได้พบกับลูกชายวันนี้ และต่อสายโทรศัพท์ให้ได้คุยกัน ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ลูกน่าจะคุยกับอุปทูต

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์