เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา องค์กรนิรโทษกรรมสากลได้นำเสนอรูปถ่ายและคำบอกเล่าที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำรุนแรงของตำรวจและทหารต่อกลุ่มผู้ประท้วงอย่างสงบในกรุงเตกูซิกัลปา ประเทศฮอนดูรัส ทางองค์กรยังได้ระบุอีกว่ามีการใช้วิธีทุบตีและจับกุมในการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร
ทางองค์กรนิรโทษกรรมสากลยังได้นำเสนอคำให้การและรูปถ่ายของประชาชนหลายคนที่ถูกกระบองฟาดและถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ใช้ผ้าคาดซ่อนใบหน้าของตนเอาไว้ ขณะทำการสลายการชุมนุม
เว็บไซต์ขององค์กรนิรโทษกรรมสากลระบุว่าตัวแทนขององค์กรได้ทำการสัมภาษณ์ประชาชน 75 คนที่ถูกจับกุมที่สถานีตำรวจ เจฟาตูร่า เมโทรโปลิทานา ภาคสาม (Jefatura Metropolitana) ในกรุงเตกูซิกัลปา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา
ผู้ถูกจับกุมส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการทุบตีด้วยกระบองและจากการถูกหินขว้างใส่ ในตอนที่พวกเขาถูกจับตัว ไม่มีใครบอกว่าจะพาพวกเขาไปที่ไหน หรือบอกว่าพวกเขาถูกจับด้วยข้อหาใด ผู้ที่ถูกจับกุมตัวถูกปล่อยตัวไม่กี่ชัวโมงหลังจากนั้น
เอสเทอร์ เมเจอร์ ผู้ศึกษาวิจัยเรื่องเกี่ยวกับอเมริกากลางที่องค์กรนิรโทษกรรมสากลกล่าวว่า การใช้กำลังตามอำเภอใจและการปฏิบัติอย่างเลวร้ายกับผู้ประท้วงกำลังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นในฮอนดูรัส
"การควบคุมตัวและการปฏิบัติอย่างเลวร้ายกับผู้ประท้วงเป็นรูปแบบที่นำมาใช้ลงโทษผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลชั่วคราวอย่างเปิดเผย และยังเป็นการปรามผู้ที่ต้องการจะออกมาชุมนุมแสดงความไม่พอใจสภาพความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศของพวกเขาเองด้วย" เอสเทอร์ เมเจอร์ กล่าว
ในกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมในวันที่ 30 ก.ค. มีนักศึกษารวมอยู่ด้วย 10 คน พวกเขาถูกตำรวจฟาดด้วยกระบองที่หลัง ที่แขนและด้านหลังขา หนึ่งในนั้นกล่าวว่า "ตอนนั้นตำรวจกำลังขว้างปาก้อนหิน พวกเขาเข้าล้อมเรา โยนเราลงกับพื้นจนท้องเรากระแทก จากนั้นก็ทุบตีเรา พวกเขาเอากล้องไปจากเรา แล้วยังทุบตีเราอีกหากมีใครโงหัวขึ้นมา แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังจะไปขึ้นรถตำรวจ"
หลายคนที่ให้สัมภาษณ์บอกกับองค์กรนิรโทษกรรมสากลว่า ขณะที่อยู่ระหว่างการประท้วง เจ้าหน้าที่ตำรวจสวมใส่สิ่งปกปิดทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ผู้ให้สัมภาษณ์ยังได้กล่าวถึงตำรวจอีกว่า มีตำรวจบางคนบอกพวกเขา "อย่างมองพวกเรา ไอ้ลูกหมา" และบางคนก็สวมผ้าคาดปิดคลุมหน้าไว้
ครูอายุ 52 ปี รายหนึ่งซึ่งถูกจับในวันที่ 30 ก.ค. บอกกับองค์กรนิรโทษกรรมสากลว่า "พวกเรากำลังชุมนุมอย่างสงบ ทันใดนั้นตำรวจก็มุ่งมาที่เรา จึงเริ่มวิ่งหนี พวกเขาจับฉันไว้แล้วตะโกนว่า 'ทำไมพวกคุณต้องคอยหนุนรัฐบาลเซลายาด้วย' พวกเขาตีฉัน ไม่มีใครบอกฉันเลยว่าทำไมฉันถึงต้องถูกจับด้วย"
ขณะที่ทางด้านรัฐบาลฮอนดูรัสออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่าผู้ชุมนุมถูกจับในข้อหาร่วมกันก่อความรุนแรงและท้าทายอำนาจรัฐ
"การใช้กำลังรุงแรงและการจับกุมประชาชนตามใจชอบเพื่อการกดขี่คนที่ต่อต้านนั้นจะแค่ทำให้เกิดความโกรธแค้นสุมอยู่มากขึ้นและจะนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง" เอสเทอร์ เมเจอร์ กล่าว "การใช้กำลังควรนำมาใช้กับสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่านี้ และแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่วิธีการที่นำมาใช้ห้ามปรามการชุมนุมโดยสันติตามสิทธิทางกฏหมาย"
จากเว็บไซต์ขององค์กร ทางองค์กรนิรโทษกรรมสากลยังได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องการข่มขู่และคุกคามผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน เรื่องการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก การเข้าจู่โจมนักข่าว รวมถึงการปิดสื่อ ยึดอุปกรณ์ และทำร้ายร่างกายนักข่าวกับตากล้องที่ทำข่าวในเหตุการณ์ด้วย
องค์กรนิรโทษกรรมฯ ระบุไว้อีกว่า ส่วนสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนภายนอกกรุงเตกูซิกัลปานั้นเชื่อว่าน่าจะเลวร้ายพอๆ กัน หรืออาจเลวร้ายยิ่งกว่า จุดตรวจตามถนนหลักในฮอนดูรัสมีตำรวจและทหารที่มักจะคอยยับยั้งหรือประวิงเวลาไม่ให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่ได้รับรายงานว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่
ความเป็นห่วงในเรื่องสิทธิมนุษยชนในฮอนดูรัสมีเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่หลังจากที่ประธานาธิบดี โฮเซ มานูเอล เซลายา โรซาเลส ถูกบังคับให้สละตำแหน่งในวันที่ 28 มิ.ย. และถูกขับออกจากประเทศโดยกลุ่มนักการเมืองที่มีทหารหนุนหลัง นำโดยโรเบอร์โต มิเชลเลตตี อดีตประธานสภาแห่งชาติ มีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นโดยทั่วไปภายในประเทศนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร และมีการปะทะกันระหว่าง ตำรวจ ทหาร กับ ประชาชนผู้ประท้วงอยู่หลายครั้ง มีประชาชนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อยสองรายจากการถูกยิงขณะประท้วง
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Honduras photos and protestor testimonies show extent of police violence , Amnesty International, 19/08/2009
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)