Skip to main content
sharethis

การเมือง


 


"มาร์ค" เลี่ยงพูดเรื่อง "ทักษิณ" หลังถูกสื่อญี่ปุ่นซักถาม
มติชนออนไลน์ - เว็บไซต์สำนักข่าวไทย รายงานภารกิจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ว่า สื่อมวลชนญี่ปุ่นสนใจสอบถามปัญหาการเมืองไทย และการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ประเทศไทยยึดหลักประชาธิปไตย และจะใช้ระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา แม้รัฐบาลจะมีเสียงข้างมากในสภา แต่ก็จะเคารพเสียงข้างน้อย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี เลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ


 


"คนไทยต้องไม่ยึดติดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเหนือผลประโยชน์ส่วนรวม และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการการเปลี่ยนแปลง และต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า" นายกรัฐมนตรี กล่าว



ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นยังสอบถามเรื่องความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ ที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯชี้แจงว่า ตามกฎหมายไทย สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ที่ผ่านมา เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาถึงทางตัน สถาบันกษัตริย์จะสามารถช่วยเหลือในเรื่องการเป็นศูนย์รวมของคนไทยทั้งชาติ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เกิดความสมานฉันท์


 


วิปรัฐบาลนัดแบ่งเค้ก กมธ.35 คณะ


ไทยรัฐ - 7 ก.พ. 52 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) รัฐบาล กล่าววานนี้ (6 ก.พ.) ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรว่า ตามกฎหมายหลังจากพรรค การเมือง 3 พรรคถูกยุบ และมีการเลือกตั้ง ส.ส.เข้ามาใหม่ ประกอบมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส.ส.สัดส่วนบางส่วนไปเป็นรัฐมนตรี และมีการเลื่อนลำดับขึ้นใหม่ ดังนั้น จำเป็นต้องจัดสมาชิกเข้าไปทำงานให้คณะกรรมการธิการสามัญทั้ง 35 คณะใหม่ เพื่อให้สมาชิกได้เข้าไปทำงานในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ โดยเร็ว วิปรัฐบาลจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดสรรคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ให้พรรคร่วมรัฐบาล พร้อมทั้งจัดบุคคลที่เหมาะสมเข้าในคณะกรรมาธิการแต่ละชุด โดยจะต้องมีการตกลงกันในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน หลังจากได้ข้อสรุปแล้ววิปรัฐบาลจะมีการนัดประชุมตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองในวันที่ 12 ก.พ. เพื่อหาข้อสรุป ก่อนที่นำเข้าสู่ที่ประชุมสภาให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด โดยหลังจากมีการแต่งตั้งให้ถือว่าคณะกรรมการชุดเดิมพ้นสภาพไป


 


ส.ส.ขอโรงแรมในรัฐสภาใหม่


ไทยรัฐ - วานนี้ (6 ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยนางสุกัญญา สุดบรรทัด ส.ว. สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาพิจารณ์ และประชาสัมพันธ์ ได้รายงานผลการลงไปดูพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณที่ดินทหารย่านเกียกกาย และนำเสนอแผนการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ต่อเนื่อง 5 ปี รวม 30 ล้านบาท นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัยบอกว่าถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุนให้สร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ก็จะไม่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เช่นกัน ทั้งนี้ขอเสนอว่าควรลดพื้นที่ห้องทำงานลงเหลือเพียงครึ่งเดียวพอ ส่วนที่เหลือให้จัดสร้างเป็นที่พักลักษณะคล้ายโรงแรมให้สมาชิกได้ใช้ อาจเก็บค่าบริการในลักษณะเป็นสวัสดิการราคาพิเศษเช่นให้เช่าในราคาคืนละ 500 บาท


 


พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า จากการพิจารณาร่างทีโออาร์เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องสร้างที่พักให้สมาชิก เพราะเงินเดือนที่ได้รับสามารถพึ่งพาตนเองได้เพียงพอที่จะนำไปจ่ายเป็นค่าที่พักหรือโรงแรมได้ หรือถ้าจะทำจริงๆควรสร้างแยกออกมาต่างหาก เพราะรัฐสภาควรเป็นที่ทำงานเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาศึกษาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จะประชุมกันเพื่อสรุปทีโออาร์ครั้งสุดท้าย จากนั้นจะทำเรื่องขออนุมัติให้มีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ต้นเดือน มี.ค.จะได้บริษัทออกแบบอาคาร จากนั้นอีก 5 เดือน หรือประมาณต้นเดือน ส.ค.-ธ.ค. หรือในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช อาจมีพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งขั้นตอนกราบบังคมทูลฯในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้นมีความเหมาะสมแล้ว


 


สุเทพ ปัด ทอ.ของบเพิ่มซื้อเครื่องบิน


ไทยรัฐ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าววานนี้ (6 ก.พ.) กรณี กองทัพอากาศ ระบุว่าได้ของบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน โดยรอเพียงการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ไม่ใช่ ไม่แน่ใจว่าทำไมข่าวสับสน เรื่องฝูงบินนี้กองทัพอากาศแค่รายงานตามแผนงานปกติเท่านั้น ไม่ใช่การของบประมาณเพื่อจัดซื้อ เมื่อถามว่าในภาวะเช่นนี้รัฐบาลสามารถจัดงบให้กองทัพอากาศซื้ออาวุธตามที่มีข่าวได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ได้บอกกระทรวงกลาโหมไปแล้วว่างบประมาณใหม่ของกระทรวงกลาโหมจะไม่เพิ่มมากกว่าเดิม หากจะจัดซื้อจริงกระทรวงกลาโหมต้องไปจัดสรรงบที่จะได้เท่าเดิมไปบริหารเอง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวรัฐบาลจะไปขอเบี้ยพิเศษในส่วนของกองทัพมาใช้ เนื่องจากรัฐบาลมีปัญหาด้านการเงิน นายสุเทพตอบว่า ข่าวคงสับสน


 


"สุขุมพันธุ์" จ่ายค่าโง่ดับเพลิงงวด 5


สยามรัฐ - เมื่อวันที่ 6 ก.พ.52 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องคดีรถและเรือดับเพลิง หลังได้รับหนังสือด่วนที่สุดจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ตอบ กทม.กรณีการฟ้องยกเลิกสัญญา และการระงับจ่ายค่างวดงวดที่ 5 ว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถยับยั้งการจ่ายเงินงวดที่ 5 ในวันที่ 10 ก.พ.52 นี้ได้ และจากนี้ก็ต้องให้กำลังใจคณะกรรมการร่วม ที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินงวดนี้จะไม่สูญเปล่า เพราะหากภายหลังตัดสินว่าสัญญาไม่ชอบก็สามารถเรียกร้องเงินจำนวนนี้ได้ตามกระบวนกฎหมาย รวมทั้งไล่เบี้ยเอาจากผู้ต้องรับผิดชอบอีกด้วย


 


ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา ถือเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำได้เพื่อไม่ให้คนกทม.เสียประโยชน์ ซึ่งส่วนตัวอยากจะให้กทม.ฟ้องร้องเอง เพราะเชื่อว่า ป.ป.ช.มีหลักฐานเพียงพอ แต่เมื่อมีความเห็นที่ต่างกัน กทม.ก็ต้องฟังเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป แต่หากกฎหมายไม่ได้เอื้อก็ต้องหาวิธีการอื่นแทน และเชื่อว่าคณะกรรมการร่วมฯจะสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนที่ กทม.จะจ่ายเงินงวดที่ 6 ในเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ อีกประมาณ730 ล้านบาท


 


เสื้อแดงรวมตัวป้องกันไม่ให้ ตร.ตรวจบ้านยงยุทธ
มติชนออนไลน์ - กลุ่มเสื้อแดง
"กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย" รวมตัวกันที่บ้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) และสำนักงาน น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย เลขที่ 81 หมู่บ้านดง หมู่ 7 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย วันที่ 6 ก.พ. ป้องกันไม่ให้ตำรวจเข้าตรวจค้น ภายหลังมีข่าวตำรวจชุดคลี่คลายคดีสังหาร นายกรเทพ วิริยะ หรือ "ชิปปิ้งหมู" จะเข้าตรวจค้น โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศเจตนารมณ์ขัดขวางการตรวจค้นบ้านให้ถึงที่สุด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง


 


 


ความมั่นคง


 


3 พัน ตร.คุมเข้มประชุมอาเซียนที่หัวหิน ปิด "โรงเรียน-หน่วยงานราชการ" แก้ปัญหาจราจร


เว็บไซต์ข่าวสด - ประจวบคีรีขันธ์ - ที่ห้องประชุมกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัย 97 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ.หัวหิน พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และพล.ต.ท.ประยูร อัมฤทธิ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมนายตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ประกอบไปด้วย ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวร, ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้าประจวบคีรีขันธ์, ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 กาญจนบุรี และจังหวัดทหารบกเพชรบุรี, ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยหน่วยงานราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์/เพชรบุรี ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคง เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม ที่ชะอำ/ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


 



ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอแผนรักษาความปลอดภัยตลอดจนมาตรการในด้านต่างๆ ระหว่างมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทั้งการดูแลระดับผู้นำอาเซียน คู่สมรส รัฐมนตรี สื่อมวลชนต่างประเทศการดูแล ตามโรงแรมที่พัก 9 แห่งทั้งหัวหิน/ชะอำ และการจัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน จำนวน 8 กองร้อย 1,200 นาย เพื่อดูแลกลุ่มม็อบที่จะเข้ามาในพื้นที่ และการตั้งด่านตรวจค้นตามจุดต่างๆ ทั้งชั้นนอกชั้นในในพื้นที่ อ.หัวหิน อ.ชะอำ ถึง 300 นาย และการจัดตำรวจดูแลพื้นที่จุดสูงข่มหรืออาคารสูง ในพื้นที่หัวหินทั้งหมด ตลอดจนการจัดสถานที่จอดเฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำในพื้นที่อ.หัวหิน หากมีเหตุฉุกเฉิน


 



อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3,124 นาย ในเบื้องต้น นอกจากนั้น ในที่ประชุมยังมีการนำรูปภาพและชื่อที่อยู่ของแกนนำต่อต้านโรงงานถลุงเหล็ก เครือสหวิริยา อ.บางสะพาน มาให้ในที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมในระยะต่อไป และจะรายงานแผนทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบต่อไป นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอาจเดินทางมาตรวจดูความพร้อมด้วยตนเองก่อนจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และยังมีการพูดถึงเรื่องด้านการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกในการประชุม ซึ่งอาจต้องมีการหารือถึงการปิดโรงเรียนในหัวหินตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ รวมถึงหน่วยงานราชการเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหิน


 


"กษิต" เล็งเยือนฟิลิปปินส์-อิเหนา หาทางดับไฟใต้
มติชนออนไลนส์ - นายเมธา พร้อมเทพ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวถึงการเดินทางเยือนประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ และเยือนประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์นี้อย่างเป็นทางการของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการภายหลังรับตำแหน่ง ซึ่งการเยือนจะได้พบกับผู้นำของทั้งสองประเทศ โดยข้อหารือสำคัญกับฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องต่อเนื่องจากอดีต เช่น ความร่วมมือทางด้านท่องเที่ยว ที่ฟิลิปปินส์สนใจเป็นจุดปลายทางการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อเดินทางกลับให้ขึ้นเครื่องบินต่อมาที่ฟิลิปปินส์ เพื่อให้แวะเที่ยวที่ฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งคล้ายกับที่ไทยร่วมมือกับประเทศกัมพูชา



นายเมธา กล่าวว่า ในโอกาสที่ไทย-ฟิลิปปินส์ จะฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 60 ปี ในปีนี้ จะพูดคุยถึงรายละเอียดกิจกรรมที่จะจัดทำร่วมกัน เช่น การแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม กีฬา รวมถึงการจัดทำแสตมป์ที่ระลึก นอกจากนี้ ยังจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทยด้วย เพราะฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์กับการแก้ปัญหาเหล่านี้ ที่หมู่เกาะมินดาเนา ที่กลุ่มคนมุสลิมต่อสู้กับรัฐบาล ว่ามีการติดต่อประสานงานแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อนำมาปรับใช้กับไทย ทั้งนี้คาดว่าจะมีการหยิบยกเรื่องการซื้อ-ขายข้าวมาพูดคุยด้วย เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์ ถือว่าเป็นประเทศที่มีการนำเข้าข้าวมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ส่วนอินโดนีเซียจะหารือเกี่ยวกับธุรกิจการประมง ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และแลกเปลี่ยนความเห็นกรณีชาวโรฮิงญา ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายซึ่งเป็นปัญหาขณะนี้



ทั้งนี้ในการเยือนทั้ง 2 ประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะได้ยืนยันความพร้อมของประเทศไทยในการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้


 


 


เศรษฐกิจ


 


ญี่ปุ่นให้ไทยกู้ 6.3 หมื่นล้านเยน "อภิสิทธิ์" กล่อมลงทุน-ท่องเที่ยว


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนา "ทิศทางเศรษฐกิจการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศไทย" ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อเจรจาทำงาน ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2552 ว่า ไทยยังคงต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนสำคัญของ ส่วนในด้านการท่องเที่ยว หลายปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก และยังหวังว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะยังเที่ยวไทยในอันดับต้นๆ


 



 "ผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ปิดสนามบินเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่นักท่องเที่ยวได้รับการดูแลอย่างดี โดยเฉพาะเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเรา และขอยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอีก" นายอภิสิทธิ์กล่าว



ส่วนสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก ที่ทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่มาไทยลดลงมากนั้น ตนเข้าใจว่าปัญหาการเมืองของไทยมีผลต่อการตัดสินใจที่ชาวต่างประเทศจะมาเมืองไทย แต่ยังยืนยันว่า ไทยยังเป็น "แลนด์ ออฟ สไมล์, แลนด์ ออฟ เดอะ ฟรี แอนด์ แลนด์ ออปปอทูนิตี้" แม้ว่าในปีที่แล้วไทยจะสูญเสียโอกาสไปมาก แต่รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานหนัก ให้ไทยกลับมาอีกครั้ง


 



ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับนายทาโร อาโซะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ว่า นายกฯ ญี่ปุ่นแจ้งต่อนายอภิสิทธิ์ว่า ทางรัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติเงินกู้ให้รัฐบาลไทยในรูปสกุลเงินเยน วงเงิน 6.3 หมื่นล้านเยน สำหรับลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง แต่ในการหารือไม่ได้มีการระบุว่าเป็นการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงใด ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง


 



วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นตกลงที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 15 คน เพื่อให้เป็นเวทีสำหรับฝ่ายไทยและญี่ปุ่นที่จะได้มีเวลาเจรจาและหารือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน


 


คลังชักงานเข้ารีดภาษีวืดเป้าอื้อ ทีดีอาร์ไอแนะขยายเพดานก่อหนี้


เว็บไซต์ไทยรัฐ - นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนา "เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทย...ถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง" ว่า การใช้นโยบายการคลังของรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ แต่สิ่งสำคัญคือขนาดของเม็ดเงินในการแก้ปัญหาที่ทางรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ประมาณ 500,000 ล้านบาท สูงเกินเพดานการก่อหนี้ที่กฎหมายกำหนดให้ขาดดุลได้เพียง 440,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในภาวะที่ประเทศต้องการงบประมาณจากรัฐมากระตุ้นเศรษฐกิจควรจะมีการแก้ไขกฎหมายหนี้สาธารณะเพื่อให้รัฐบาลสามารถก่อหนี้สาธารณะได้เพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขระยะสั้นใน 1 ปี เพื่อรักษาวินัยการคลังไว้


 



"เรื่องนี้ต้องทำเพราะขณะนี้เพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลเต็มแล้วและงบประมาณขาดดุล 5 แสนล้านบาทนี้ใช้สำหรับมาตรการแรกเท่านั้น และกรณีไม่เพียงพออาจจำเป็นต้องมีมาตรการก๊อกสองออกมาเพิ่มและจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม เมื่อถึงเวลานั้นกว่าจะทำก็ล่าช้าเพราะกฎหมายต้องผ่านสภาฯ อีก"


 



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารส่วนสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ควรจะมีการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ ธปท.สามารถให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤติการเงินรอบนี้ด้วย เพราะปัจจุบันมีการพูดถึงการใช้นโยบายการเงินในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าแม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำแต่หากผู้ประกอบธุรกิจไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้คงจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะที่ธปท.ไม่สามารถปล่อยซอฟท์โลนเพราะขัดกับกฎหมาย ดังนั้น ควรจะมีการแก้ไขกฎหมายในจุดนี้เพื่อให้ ธปท.สามารถให้ความช่วยเหลือกิจการขนาดเล็กได้


 



"แนวทางแก้กฎหมายหนี้สาธารณะและกฎหมายให้แบงก์ชาติออกซอฟท์โลนได้นั้น เป็นการแก้ปัญหาตรงจุดและเป็นทางออกที่ดีกว่าให้นำทุนสำรองมาใช้"


 



นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล ประจำเดือน ม.ค.2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 88,583 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20,449 ล้านบาท หรือ 18.8% ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.51-ม.ค.52) จัดเก็บได้ 363,729 ล้านบาทต่ำกว่าประมาณการ 70,472 ล้านบาท หรือราว 16.2%


 


 


คุณภาพชีวิต


 


ศธ.เล็งแจกคูปองผู้ปกครองซื้อชุดนักเรียน


ไทยรัฐ - จากการรับฟังความคิดเห็นแนวทางตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนชลกันยานุกูล จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนครู ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้ประกอบการร่วมประชุมนั้น ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการ


 


คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า แนวดำเนินงานที่จะให้ช่วยพิจารณา ประกอบด้วย 1. หนังสือเรียน ให้โรงเรียนพิจารณารายชื่อหนังสือเรียนด้านคุณภาพและราคาตามบัญชีที่ ศธ.กำหนดในอัตราลดร้อยละ 20 และให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมเลือกซื้อ หนังสือเรียนทุกระดับทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ ซื้อได้อย่างเสรี โดยสอดคล้องกับหลักสูตร มีการจัดทำบัญชีควบคุมการให้ยืม สำหรับส่วนลดให้สถานศึกษานำไปจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนเพิ่มเติม หากดำเนินการไม่เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดจะต้องถูกเรียกคืนเงิน


 


2. อุปกรณ์การเรียน ให้โรงเรียนสำรวจความต้องการ จัดทำแผนการจัดหาอุปกรณ์การเรียนโดยกำหนดรายการ ปริมาณ และคุณภาพ 3. เครื่องแบบนักเรียน ให้โรงเรียนจัดสรรคูปองให้ผู้ปกครองจัดซื้อคนละ 2 ชุด โดยสถานศึกษาตรวจสอบหลักฐานและเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ที่นำคูปองมาขอรับเงิน ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2552 ซึ่งผู้ปกครองเลือกซื้อหรือจ้างตัดเย็บก็ได้


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นในการนำเสนอส่วนใหญ่อยากเห็นความต่อเนื่องของนโยบาย ส่วนการจัดซื้ออยากให้โรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการ ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะทำให้โรงเรียนตกเป็นจำเลยของผู้ปกครองและสังคม นอกจากนี้เห็นว่างบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอในส่วนของกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และเครื่องแบบ ในส่วนของนักเรียนเรียกร้องขอชุดพลศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งถุงเท้า และรองเท้า ที่สำคัญส่วนใหญ่เห็นว่าหนังสือเรียนควรแจกฟรี


 


นายจุรินทร์กล่าวว่า เท่าที่รับฟังหลายคนเป็นห่วงเรื่องงบประมาณ และอยากได้ชุดนักเรียนมากกว่า 2 ชุด ส่วนหนังสือเรียนต้องเป็นการให้ยืมเรียน 3 ปี ทั้งนี้ ชุดนักเรียนจะให้เป็นคูปองเพื่อให้ผู้ปกครองไปเลือกซื้อเอง ส่วนแบบเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนเป็นผู้จัดซื้อ


 


แท็กซี่ธงฟ้าลด 5 บาทเริ่ม16ก.พ.


เว็บไซต์ไทยโพสต์ - นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปจะเปิดตัวโครงการบลูแท็กซี่ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เวลา 15.30 น. เบื้องต้นจะมีแท็กซี่สมัครใจร่วมโครงการกว่า 150 ราย เพื่อให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการจะมีสติ๊กเกอร์และธงสีฟ้าติดที่รถเป็นสัญลักษณ์ เมื่อผู้โดยสารใช้บริการจะได้ลดราคาทันทีจากมิเตอร์แรกเริ่ม 35 บาทเหลือ 30 บาท


 



ทั้งนี้ แท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะสูญเสียรายได้เฉลี่ยวันละ 50 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมช่วยเหลือผ่านการจัดร้านค้าจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้ใกล้สหกรณ์หรือแหล่งรวมของคนขับรถแท็กซี่ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรื่องการจัดทำโครงการธงฟ้าเพื่อบรรเทาค่าครองชีพไว้ประจำในหลายพื้นที่เขต กทม.เพื่อช่วยเหลือประชาชน


 



นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าจะหารือกับผู้ประกอบการอู่ให้เช่ารถและผู้ประกอบการกลุ่มอุปกรณ์วิทยุแท็กซี่ เพื่อให้มีการลดราคาค่าบริการ ค่าเช่ารถลง เพื่อช่วยเหลือแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ อีกด้วย


 



นายสมพงษ์ สวัสดิสุข สมาชิกชมรมเพื่อนบนถนนร่วมด้วยช่วยกัน หนึ่งในคนขับรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับเจ้าของรถแท็กซี่ ให้ลดค่าเช่าที่ปกติคิดวันละ 500-800 บาท เจรจาสถาบันการเงินให้มีสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับคนขับรถแท็กซี่ โดยผ่อนปรนเงื่อนการกู้ยืมเพื่อให้แท็กซี่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริง เพราะหาคนค้ำประกันยาก


 


หวั่น "โรฮิงยา" สวมรอยแรงงาน


สยามรัฐ - เมื่อวันที่ 6ก.พ.52 นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผวจ.ระนอง เปิดเผยว่า จากปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงยาที่ทะลักเข้ามายังประเทศไทย อาจทำให้เกิดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว เพราะขณะนี้ทางจังหวัดได้เปิดให้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา มาขึ้นทะเบียนต่อใบอนุญาตทำงาน


 


"มีรายงานว่ามีกลุ่มนายจ้างบางรายกำลังเตรียมที่จะนำชาวโรฮิงยาเข้ามาสวมรอยเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะค่าจ้างชาวโรฮิงยาจะถูกกว่าชาวพม่าถึงเท่าตัว ในขณะนี้ที่แรงงานพม่ามีอัตราจ้างขั้นต่ำขณะนี้อยู่ที่ 4,500-5,500 บาท ในขณะที่ชาวโรฮิงยาจะมีอัตราจ้างอยู่ที่ 2,500-3,500 บาทต่อเดือน ซึ่งผลจากปัญหาเศรษฐกิจทำให้มีนายจ้างหลายรายเริ่มหันมาให้ความสนใจชาวโรฮิงยามากขึ้นไม่เฉพาะแต่ในพื้นที่จ.ระนอง พื้นที่จังหวัดชั้นในก็มีความต้องการมากเช่นกัน"


 


 


ต่างประเทศ


 


ม.ค. เดือนเดียวมะกันตกงานกว่าครึ่งล้าน


เว็บไซต์สยามรัฐ - เศรษฐกิจมะกันยังไม่ฟื้น หลังกระทรวงแรงงานเผยตัวเลขคนตกงานเดือนแรกของปีเกิน 5 แสน คน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ตกงาน ภายในประเทศ พบว่าในเดือน ม.ค. 2552 มีประชาชนสหรัฐฯตกงานสูงถึง 525,000 คน หลังจากที่เมื่อเดือน ธ.ค. 2551 ตัวเลขผู้ตกงานอยู่ที่ 524,000 คน เนื่องจากภาคเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต้องประสบกับปัญหายอดขายและผลกำไรที่ลดลง อันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า ตัวเลขผู้ตกงานเดือน ม.ค. จะอยู่ที่ประมาณ 4-7.8 แสนคน


 


หญิงจีนกลายเป็นโสเภณีข้างถนนในฝรั่งเศส


เว็บไซต์คมชัดลึก - กลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อ "เมเดอแซงส์ ดือ มงค์" ของฝรั่งเศส กล่าวในรายงานที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ก.พ.) ว่ามีสตรีชาวจีนหลายร้อยคนที่ทิ้งลูกๆ ไว้ข้างหลังเพื่อเดินทางไปหางานทำที่กรุงปารีส แต่กลับต้องกลายเป็นโสเภณีราคาถูกตามท้องถนน โดยส่วนใหญ่แล้วสตรีเหล่านี้จะมีอายุอยู่ในวัย 40 ปีเศษ เช่าห้องเล็กๆ ราคา 100-150 ยูโร (ราวๆ 4,500- 6,700 บาท) อยู่ด้วยกัน และมักตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน ความรุนแรง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


 



กลุ่ม "เมเดอแซงส์ ดือ มงค์" เปิดคลินิกเคลื่อนที่ชื่อ "โลตัส บัส" หรือ "รถเมล์ดอกบัว" ขึ้นในย่านที่อยู่อาศัยของผู้อพยพในกรุงปารีสเมื่อปี 2545 เพื่อให้บริการแก่สตรีประมาณ 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไปจากภูมิภาคตงเป่ย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาว่างงาน


 



รายงานแจ้งว่าปัจจุบันสถานการณ์น่าวิตก เพราะสตรีเหล่านี้ละเลยสุขภาพมานาน และหลายคนพบเมื่อสายไปแล้วว่าตัวเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน มะเร็ง หรือโรคหัวใจ โดยพวกเธอเหล่านี้ไปที่คลินิกเพื่อขอถุงยางอนามัย แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งพูดภาษาจีนได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้พวกเธอตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือปรึกษานรีเพศด้วย


 



ผลสำรวจสตรี 93 คน พบว่าหลายคนได้ยอมจ่ายเงินระหว่าง 7,000-15,000 ยูโร (ราว 3-6.6 แสนบาท) เพื่อเดินทางไปฝรั่งเศสหลังตกงานในจีน ซึ่งมากกว่าร้อยละ 65 มีอายุกว่า 40 ปีแล้ว และร้อยละ 90 บอกว่าทิ้งลูกเอาไว้อย่างน้อย 1 คนที่จีน โดยหญิงเหล่านี้พูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ และต้องพบกับลูกค้าที่ไม่ใช่ชาวจีนซึ่งคิดว่าจะทำอะไรกับพวกเธอก็ได้เพราะถูกมองว่าเป็นโสเภณีราคาถูก บางครั้งก็ได้เงินค่าตัวเพียง 5 ยูโร (ราว 225 บาท)


 



สตรีวัย 50 ปีคนหนึ่งเดินทางไปถึงกรุงปารีสเมื่อสองปีก่อน หลังจาถูกปลดจากโรงงานทอผ้า กล่าวว่าได้รับจ้างเป็นพี่เลี้ยงเด็กในครอบครัวผู้อพยพชาวจีนที่ใช้ประโยชน์จากเธอจนคุ้มค่าจ้าง เพื่อหาเงินพิเศษ เธอจึงได้เริ่มประกอบอาชีพโสเภณีเมื่อหนึ่งปีก่อนตามถนนสายต่างๆ ในย่านแบลวิลล์ เธอบอกว่าโชคดีที่ครอบครัวในจีนไม่ทราบเรื่องนี้ เธอหย่าขาดจากสามีชาวจีนแล้วและยังคาดหวังที่จะได้แต่งงานใหม่ในฝรั่งเศส-


 


หวาดวิตกผู้ก่อการร้ายใช้ธรรมชาติ ปล่อยทัพแมลงโจมตี


เว็บไซต์ไทยรัฐ - ผู้เชี่ยวชาญการต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ อดวิตกไม่ได้ว่า ผู้ก่อการร้ายอาจจะคิดยุทธวิธีก่อการร้าย ระบบนิเวศน์ขึ้น อย่างเช่น ปล่อยฝูงแมลงมาแพร่เชื้อโรคและทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหาร นอกจากการคิดสร้างระเบิดนิวเคลียร์ และก๊าซประสาทที่กำลังพยายามกันอยู่


 



เคยเกิดที่อเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2532 แสดงให้เห็นอันตรายของภัยแบบนั้นมาแล้ว ครั้งนั้นได้มีคนกลุ่มหนึ่งส่งหนังสือขู่ถึงนายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส อ้างว่าเป็นคนเอาแมลงหวี่เมดิเตอร์เรเนียนมาปล่อยในเมืองและตามแถบดินแดนที่ปลูกส้ม บังคับให้นายกฯออกคำสั่งห้ามการใช้ยาฆ่าแมลงเสีย ไม่เช่น นั้นจะทำให้แมลงแพร่กระจายขนานใหญ่ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจขึ้นอย่างมหาศาล ต้องสูญเสียงานไปถึง 132,000 ตำแหน่ง และรายได้จากการค้าขายถึง 442,200,000 ล้านบาท


 



เว็บ "ไทมส์ ออนไลน์" กล่าวว่า เชื่อกันว่าการใช้แมลงจะเป็นอาวุธที่ถูกที่สุด และมีอำนาจทำลายล้างมากที่สุด ซ้ำยังจับตาดูได้ยาก เนื่องจากลักลอบข้ามพรมแดนเข้ามาง่าย เพาะขึ้นได้ในเวลาอันสั้น สามารถแพร่โรคและทำลายพืชพันธุ์ ได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลยอมรับว่า "การใช้แมลงโจมตี จะไม่อาจจับพบได้ด้วยเรดาร์"


 



นายเจฟฟรีย์ ล็อควู้ด ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "ทหาร 6 ขา-การใช้แมลงเป็นอาวุธในการสงคราม" ได้บอกไว้ว่า ผู้ก่อการร้ายอาจจะยอมอดทนใช้เวลาในการสร้างอาวุธ ทำลายระบบนิเวศน์อย่างช้าๆ แต่เป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ ที่ใช้ได้ผลกับศัตรูที่คิดเพียงเวลาแค่เป็นวันหรือเป็นเดือนเท่านั้น มันจะสร้างความเสียหายให้อย่างยั่งยืน นานเกินอายุคนรุ่นหนึ่งๆ ได้ทีเดียว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net